วันที่ 24 มกราคม 2564 แหล่งข่าวด้านความมั่นคงในชายแดนด้านตะวันตกของไทย เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธันวาคม 2563 พบว่ากองทัพพม่าเริ่มเคลื่อนไหวและมีปฏิบัติการทางทหาร ในเขตรัฐกะเหรี่ยงและภาคพะโคในพม่า โดยกองทัพพม่าได้ยิงปืนใหญ่เข้ามายังชุมชนชาวกะเหรี่ยง ซึ่งปฎิบัติการของกองทัพพม่าในตอนนี้สามารถแบ่งได้เป็นสองพื้นที่หลัก คือ พื้นที่ตำบลแม่เว เขตอำเภอแดวโล เขตปกครองมือตรอ กองพลที่ 5 ของ KNU และเขตพื้นที่เหล่อโด่ (จ๊อกจี) เขตญองลีบิน ทางเหนือของภาคพะโค พื้นที่กองพลที่ 3 ของ KNU
ขณะที่แหล่งข่าวฝ่ายการศึกษา KNU เปิดเผยว่า นับตั้งแต่กองทัพพม่าเริ่มปฏิบัติการช่วงต้นเดือนธันวาคม ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้โรงเรียนทั้งหมด 6 โรงเรียนในพื้นที่ตำบลแม่เว เขตปกครองมือตรอ กองพลที่ 5 ครูไม่สามารถเปิดเรียนได้ ต่อมาในวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา ทหารพม่าได้ยิงปืนใหญ่โจมตีชุมชน ส่งผลให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 อายุ 12 ปี ได้รับบาดเจ็บ โดยนักเรียนคนดังกล่าวได้รับการรักษาเบื้องต้น อาการพันขีดอันตรายแล้ว แต่ยังคงต้องพักรักษาตัวในคลินิกสนามของค่ายผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ (IDPs)
แหล่งข่าวกล่าวว่า ในพื้นที่เหล่อโด่ (จ๊อกจี) เขตญองลีบิน ทางเหนือของภาคพะโค พื้นที่กองพลที่ 3 ของ KNU นับตั้งแต่ต้นปี 2564 มีชาวบ้านอย่างน้อย 4 หมู่บ้าน จำนวน 790 คน ยังคงต้องหลบซ่อนตัวอยู่ในป่า และโรงเรียนทั้งหมดในพื้นที่ไม่สามารถเปิดเรียนได้ โดยพื้นที่นี้กองทัพพม่าต้องการตัดถนนเพื่อยุทธศาสตร์ทางการทหาร เข้ามายังพื้นที่ควบของ KNU กองพลที่ 5 และถนนยุทธศาสตร์นี้จะเชื่อมตรงมายังชายแดนไทย-พม่า ที่แม่น้ำสาละวิน ฝั่งตรงข้าม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ของประเทศไทย
นายพะโด่ ฉ่า วา เลขาธิการอำเภอ เหล่อโด่ (จ๊อกจี) กล่าวว่า การกระทำของกองทัพพม่าตอนนี้เป็นการกระทำผิดข้อตกลงที่มีการลงนามในข้อตกลงหยุดยิง (NCA) ระหว่างสหภาพชนชาติกะเหรี่ยงและรัฐบาลพม่า ซึ่งหลายปีที่ผ่านมาพบว่ากองทัพพม่าทำการละเมิดข้อตกลงมาโดยตลอด จึงทำให้เกิดการปะทะขึ้นในพื้นที่และมีประชาชนได้รับผลกระทบจากความรุนแรงดังกล่าว
