Search

สดจาก กัมพูชา เจาะลึกศึกเลือกตั้งครั้งใหญ่ เดิมพัน “ฮุน เซน” ผู้นำตลอดกาล?

@Cambodia Revolution : CPP vs CNRP เดิมพัน “ฮุน เซน” ผู้นำตลอดกาล? เปิดยุทธการ “พรรคกู้ชาติ” ตามรอยอาหรับสปริง การเมืองภายในลับๆ วิธีปลิดชีพศัตรู ในดินแดน “อังกอร์

cambodia election1

สายตาทุกคู่ทั่วโลกกำลังเพ่งมองไปยังการเลือกตั้งใหญ่ของกัมพูชาที่จะมีขึ้นในวันที่ 28 กรกฎาคมนี้

 

นั่นเพราะ กัมพูชามีผู้นำที่โดดเด่นผูกขาดครองอำนาจมายาวนานเกือบ 30 ปี อย่าง “จอมพล สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน” (สมฺเตจอคฺคมหาเสนาบตีเตโช หุน แสน ชื่อที่เพิ่งได้รับพระราชทานจากกษัตริย์องค์ปัจจุบันจากการทูลเกล้าฯเสนอ) เป็นนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลายสมัย มีอำนาจควบคุมกลไกทั้งหมดในกัมพูชาทั้งด้านงานบริหาร รัฐสภา ตุลาการ ไปจนถึงกองทัพ และภาคธุรกิจ ทั้งหลายทั้งมวล

 

ประชาธิปไตยในกัมพูชา จึงถูกจับตามองจากนานาชาติ นั่นเพราะปัญหาภายในกัมพูชาเองยังดำรงอยู่อย่างมากมาย ทั้งปัญหาปากท้อง ที่ดินทำกิน ทรัพยากรที่ถูกทำลาย ไปจนปัญหาทางการเมือง ที่ประกอบไปทั้งพรรคของฮุน เซน พรรคกษัตริย์เดิม พรรคฟุนซินเป็ก ที่เป็นพรรคใหญ่ดั้งเดิมแต่ถูกฮุน เซน ควบเป็นพวกไปแล้ว กับการเป็นรัฐบาลผสมในปัจจุบัน และ พรรคฝ่ายค้าน หรือ พรรคกู้ชาติกัมพูชา (CNRP) ของ “สม รังสี” ซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้าม

 

ปัญหาสิทธิเสรีภาพของประชาชน คนรวยยังคงร่ำรวยมหาศาล ขณะที่คนจนในกัมพูชา ก็ยากจนลงอย่างน่าใจหาย งานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคระหว่างเขตเมืองกับเขตชนบท แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

 

ขณะที่ปัญหาใหม่ในระยะหลังที่เกิดขึ้นจนกลายเป็นชนวนความขัดแย้งและกัดกร่อนอำนาจของ ฮุน เซน ลงเรื่อยๆ กระตุ้นกระแสชาตินิยมในกัมพูชาค่อนข้างสูง คือการให้สิทธิพิเศษแก่ต่างชาติรับสัมปทานเช่าที่ดินในกัมพูชา

 

โดยเฉพาะพื้นที่ในกรุงพนมเปญ ซึ่งเป็นเมืองหลวงยาวนานถึง 90 ปี เพื่อจัดทำเป็นเมืองธุรกิจ ได้แก่ เวียดนาม จีน และเกาหลีใต้ เป็นต้น โดยมีการไล่รื้อชุมชนแออัดอย่างทารุณ มีการใช้กำลังทั้งตำรวจ-ทหาร เข้าไล่รื้อ มีการออกกฎหมายเวนคืนที่ดินที่เหมือนการบังคับแล้วนำที่ดินไปขายให้ต่างชาติ

 

นอกจากนี้ เครือข่ายธุรกิจของครอบครัวผู้นำและนายทหารในกองทัพ ที่เติบโตร่ำรวบโดยอาศัยอำนาจรัฐ โดยเฉพาะธุรกิจด้านการเงินและธนาคาร

 

ส่วนนายทหารก็มีธุรกิจเกี่ยวกับคาสิโนในปอยเปต ที่ทำเงินมหาศาล รวมถึงการนำเม็ดเงินภาษีมาหาเสียงให้ตัวเอง อาทิ การสร้างโรงพยาบาลและโรงเรียนโดยใช้ภาษีแต่มีการตั้งชื่อนำหน้าเป็นชื่อของ ฮุน เซน

 

ไม่รวมปัญหาดินแดนฝั่งตะวันออกติดกับชายแดนเวียดนามที่ถูกรุกล้ำทั้งอาณาเขต และปัญหาการแย่งชิงทรัพยากรจากชาวเวียดนามที่รุกเข้ามาทำนาและจับปลาอันอุดมสมบูรณ์ในเขตชายแดนและพื้นที่ทะเลสาบกัมพูชา ทำให้กระแสชนชั้นกลางและคนชนบทในกัมพูชา เริ่มตั้งคำถามกับการพิทักษ์ผลประโยชน์ชาติของ ฮุน เซน

 

ยิ่งทำให้ CNRP นำโดย “สม รังสี” ได้เงื่อนไขในการหาเสียง ต่อสู้ และปลุกเร้าประชาชนให้ลุกขึ้นมาเปลี่ยนประเทศผ่านการเลือกตั้งในครั้งนี้ ให้เหมือนการโค่นอำนาจผู้นำอย่าง “กัดดาฟี” ของลิเบีย หรือโมเดลการเปลี่ยนแปลงในอียิปต์

 

เมื่อกัมพูชากำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วยการเลือกตั้ง จึงมีความร้อนแรง ทั้งในฐานะประเทศเพื่อนบ้านของไทยที่มีการค้าขายระหว่างกัน ทั้งแรงงาน สินค้า และการท่องเที่ยวชายแดนที่มีมูลค่ามหาศาล โดยเฉพาะทิศทางความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างกันต่อกรณี “เขาพระวิหาร” ซึ่งนำมาสู้การปะทะระหว่างผู้นำและกำลังทหารมาแล้วหลายครั้ง และการเป็นกัมพูชาใหม่ท่ามกลางประชาคมอาเซียน (AEC) ที่กำลังจะเกิดขึ้น

 

ป้ายหาเสียงของพรรคกู้ชาติกัมพูชา(CPP) หมายเลข 7 “สม รังสี” ประธานพรรค ชูมือคู่กับ “เข็ม สุขา” รองประธานพรรค เป็นเพียงป้ายเล็กๆมีติดไม่มากนักในกัมพูชา
ป้ายหาเสียงของพรรคกู้ชาติกัมพูชา(CPP) หมายเลข 7 “สม รังสี” ประธานพรรค ชูมือคู่กับ “เข็ม สุขา” รองประธานพรรค เป็นเพียงป้ายเล็กๆมีติดไม่มากนักในกัมพูชา

คณะสื่อมวลชนไทยได้เดินทางลงพื้นที่ เมืองเสียมเรียบ และ กรุงพนมเปญ ของกัมพูชา ระหว่างวันที่ 14-20 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อติดตามสถานการณ์การเลือกตั้งในโค้งสุดท้าย และเข้าพบเพื่อสัมภาษณ์ตัวแทน CNRP รวมถึงหน่วยงานอิสระในการตรวจสอบติดตามการเลือกตั้งในกัมพูชา

 

โดยภาพบรรยากาศที่พบเห็น ค่อนข้างคึกคัก ป้ายหาเสียงทั้งขนาดเล็ก-ใหญ่ถูกติดตั้งไปทั่วอย่างหนาแน่นถึงในหมู่บ้านที่ห่างไกล ซึ่งพรรคประชาชนกัมพูชา(CPP) ของฮุนเซ็น ค่อนข้างได้เปรียบทั้งเรื่องทุนที่สามารถหาเสียงได้อย่างหนักหน่วงทั่วถึง

 

ทั้งป้ายขนาดเล็ก-ใหญ่ รถแห่ติดเครื่องเสียงทั้งแต่รถสิบล้อที่ติดแสงไฟสีสันฉูดฉาดในยามค่ำคืน ไปจนมอเตอร์ไซค์คันเล็กติดลำโพงไปตามหมู่บ้าน รายการทีวี รายการวิทยุ ที่รัฐบาลสามารถควบคุมได้ต่างช่วยกันเป็นกระบอกเสียงให้กับ CPP

 

ขณะที่ CNRP เสียเปรียบเป็นอย่างมาก เพราะไม่สามารถใช้สื่อใดๆได้เลย จึงต้องใช้รูปแบบการหาเสียงใหม่ผ่านเครือข่ายโซเชียลเน็ตเวิร์กโดยเฉพาะ Facebook ที่ปลอดภัยจากการถูกปิดกั้น นอกจากนั้นก็พอมีป้ายหาเสียงให้เห็นอยู่บ้าง เป็นป้ายรูป “สม รังสี” ชูมือคู่กับ “เข็ม สุขา” ของประธาน CNRP แต่ก็ต่อกรค่อนข้างลำบากกับสื่อที่อยู่ในมือของ ฮุน เซน ที่ประโคมโจมตี สม รังสี ในประเด็นส่วนตัว ทั้งเรื่องชู้สาว และการเป็นนักเรียนนอกที่ไม่ใกล้ชิดประชาชนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

 

ทั้งนี้ หลัง “สม รังสี” ประธาน CNRP ได้รับพระราชทานอภัยโทษจากพระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดมสีหมุนี กษัตริย์กัมพูชา ในคดีที่ ฮุน เซน ตั้งข้อหาไว้สารพัด อาทิ ทำลายเขตแดนระหว่างประเทศ ทำแผนที่ปลอมและเผยแพร่ข้อมูลเท็จลงเว็บไซต์ ข้อหาดังกล่าวทำให้เขาถูกตัดสินจำคุกรวม 11 ปี และเพิ่งเดินทางกลับประเทศมาเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังลี้ภัยอยู่ที่ฝรั่งเศสนาน 4 ปี จึงมีเวลาเหลือเพียง 9 วันเท่านั้นในการหาเสียง แต่ทว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งกัมพูชา กลับ ไม่อนุมัติสิทธิการลงสมัครรับเลือกตั้งให้กับ “สม รังสี” เอาดื้อๆ ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับการไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งในช่วงที่ตัวเองอยู่ต่างประเทศ อนึ่ง รัฐธรรมนูญกัมพูชา ไม่ให้พลเมืองที่อยู่ต่างประเทศออกเสียงเลือกตั้ง

 

ดังนั้นเมื่อ “สม รังสี” ไม่สามารถเป็น ส.ส. ได้ ก็เท่ากับว่าไม่สามารถเป็น “นายกรัฐมนตรี” ตามรัฐธรรมนูญไปโดยปริยาย สถานการณ์ในกัมพูชาขณะนี้ จึงเปราะบาง ระหว่างฝ่ายนิยม ฮุน เซ็น และ ฝ่ายต่อต้านที่นิยม CNRP ถึงขั้น “สม รังสี” ออกมาขู่ให้ระวังประชาชนจะลุกฮือ

 

ทั้งนี้ การทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้งกัมพูชา คือหน่วยงานหลักที่นานาชาติจับตามอง เพราะก่อนหน้านี้มีการตรวจสอบบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง พบบัญชีรายชื่อไม่ตรงกับบุคคลจริงที่มีสิทธิ 11%

 

นอกจากนี้ ยังมีประวัติข้อมูลของผู้ไปลงทะเบียนว่ามีสิทธิเลือกตั้งผิดพลาดถึง 1 ใน 3 และเมื่อที่มาของคณะกรรมการของ กกต.กัมพูชามาจากโควตาตามที่นั่งในสภา ซึ่งแน่นอนว่าสัดส่วนจำนวนมากมาจากพรรค CPP ของ ฮุน เซน และ นอกจาก กกต.กลางแล้วยังมี กกต.จังหวัด และ กกต.ท้องถิ่น ที่มีอำนาจระงับการส่งคำร้องเรียนไม่ให้มาถึง กกต.กลางได้อีกด้วย ทั้งนี้ การเลือกตั้งครั้งในปี 2551 ที่ผ่านมาพบว่า มีกรณีรายชื่อผู้มีสิทธิตกหล่น และมีผู้ถูกสวมสิทธิ์เลือกตั้งจำนวนมาก โดยเฉพาะในเมืองหลวง จึงเป็นที่น่าสังเกตว่าเกิดขึ้นเพราะเป็นเขตคะแนนนิยมของฝ่ายค้าน

 

ที่สำคัญ การเลือกตั้งในกัมพูชาไม่เข้มงวดกับการใช้บัตร เพื่อแสดงตนว่ามีสิทธิในการเลือกตั้ง สามารถใช้ได้ทั้งใบขับขี่ บัตรทหาร บัตรข้าราชการ หรือใบพระสงฆ์ เป็นต้น และเมื่อเร็วๆ นี้ ทางรัฐบาลได้ออกใบรับรองแทนบัตรประชาชนให้กับประชาชนจำนวนมากเพื่อนำไปใช้สิทธิเลือกตั้ง สำหรับประชาชนที่ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน ทำให้ถูกมองว่าอาจมีความพยายามในการเพิ่มเสียงเลือกตั้งหรือไม่

 

ผู้สนับสนุน “สม รังสี” พาลูกหลานมาร่วมกิจกรรมหาเสียง ที่ที่ทำการพรรค CNRP พนมเปญ
ผู้สนับสนุน “สม รังสี” พาลูกหลานมาร่วมกิจกรรมหาเสียง ที่ที่ทำการพรรค CNRP พนมเปญ

เครือข่ายที่ทำงานด้านสิทธิ รวมถึงงานสื่อสารมวลชนในกัมพูชาบอกเล่าในทางลับ ว่า สมาชิกพรรคฝ่ายค้านที่อยู่ในชนบทถูกข่มขู่เพราะไม่สนับสนุนพรรคใหญ่ รวมถึงการทำงานของเอ็นจีโอและสื่อ ถูกคุกคามในหลายรูปแบบ

 

ตัวอย่างเช่นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มีนักการเมืองที่ตัดสินใจเปลี่ยนขั้วทางการเมือง แล้วหลังจากนั้นได้เกิดอุบัติเหตุโดยมีรถยนต์ขับมาชนรถที่เขาโดยสารมาอย่างแรงเหมือนหมายเอาชีวิตให้ดูเหมือนกับเป็นอุบัติเหตุ เพราะการจราจรในกัมพูชาค่อนข้างไม่เป็นระเบียบ

 

จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่จะเกิดอุบัติเหตุจนทำให้เสียชีวิตเกิดขึ้นทุกวัน

 

นอกจากนี้ มีสื่อมวลชนสัญชาติกัมพูชาที่ทำงานให้สำนักข่าวต่างประเทศแห่งหนึ่งซึ่งขุดคุ้ยทำข่าวการใช้อำนาจข่มขู่ประชาชน โดยหลังจากที่เขาสามารถถ่ายภาพชิ้นโบว์แดงได้ อุบัติเหตุทางรถยนต์ก็คร่าชีวิตเขา ในวงการนักเคลื่อนไหวในกัมพูชา จึงกังวลการหมายเอาชีวิตในลักษณะนี้ (Car Accident) มากกว่าการสั่งให้มีการสังหารหรือใช้มือปืนปลิดชีวิตโดยตรง เพราะแนบเนียนกว่าและจับมือใครดมไม่ได้

 

นอกจากนี้ ข้อมูลลับที่องค์กรตรวจสอบเลือกตั้งอิสระพบ คือการจ่ายค่าตอบแทนเพื่อให้ได้คะแนนเสียงในกัมพูชา ในอัตรา 5 ดอลลาร์ต่อ 1 เสียง ที่มีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อยๆ และดำเนินการล่วงหน้าก่อนการเลือกตั้งไปจำนวนมาก

 

ข้อมูลคร่าวๆ เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ฝ่ายบริหาร รัฐสภา ของกัมพูชาตามรัฐธรรมนูญ โดยการเลือกตั้งในกัมพูชามี 2 ระดับคือสมัชชาแห่งชาติ (Radhsphea) มีสมาชิก 123 คน มีวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี และวุฒิสภา (Sénat) มีสมาชิก 61 คน แต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์ตามคำแนะนำของพรรคการเมืองในสมัชชาแห่งชาติ กัมพูชาเป็นประเทศที่มีพรรคการเมืองเด่นพรรคเดียว คือ พรรค CPP ของ ฮุน เซน

 

สภาพความเป็นอยู่ของคนจนในกรุงพนมเปญบริเวณตรอกสลัมลอยฟ้า ซึ่งเป็นอาคารเก่าจากยุคเขมรแดงที่มีผู้ไร้ที่อยู่อาศัยจับจองหนาแน่นทุกชั้นจนถึงดาดฟ้า ที่กำลังจะถูกไล่รื้อที่อยู่อาศัยโดยรัฐบาลเพื่อนำที่ดินไปใช้ในการพัฒนาทางธุรกิจ
สภาพความเป็นอยู่ของคนจนในกรุงพนมเปญบริเวณตรอกสลัมลอยฟ้า ซึ่งเป็นอาคารเก่าจากยุคเขมรแดงที่มีผู้ไร้ที่อยู่อาศัยจับจองหนาแน่นทุกชั้นจนถึงดาดฟ้า ที่กำลังจะถูกไล่รื้อที่อยู่อาศัยโดยรัฐบาลเพื่อนำที่ดินไปใช้ในการพัฒนาทางธุรกิจ

หลังจากมีการลงนามในสนธิสัญญาปารีส ในปี 2534 ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดสงครามกลางเมืองและการรุกรานของต่างชาติ และการสิ้นสุดการมีกองกำลังติดอาวุธภายในประเทศ (เขมรแดง) เมื่อปี 2541 กัมพูชามีการเลือกตั้งเมื่อปี 2536, 2541, 2546 และ 2551 การเลือกตั้งครั้งแรกจัดตั้งโดยอันแทค การเลือกตั้งระดับท้องถิ่นเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2545 และสภาชุมชนที่ได้รับเลือกนี้ไปเลือกวุฒิสมาชิกในเดือนมกราคม 2549 ปัจจุบันมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งราว 9.5 ล้านคน จากจำนวนประชากร 15 ล้านคน

 

@กกต.อิสระเขมร แฉ มีซื้อเสียงแล้ว รายชื่อมีปัญหาเพียบ หวั่นโกงบัตร เผย ฝ่ายค้านถูกมัดมือทุกเรื่อง ฮุน เซน ใช้ตำรวจ-ทหาร เต็มที่ ขู่ แฉนานาชาติ

 

นาย คล ปัญญา Chief Director of COMFREL (สำนักงานคณะกรรมการเพื่อการเลือกตั้งอย่างเสรีและยุติธรรม) รางวัลแม็กไซไซเพื่อการเลือกตั้งอย่างเป็นธรรมและโปร่งใส และการสร้างสรรค์เส้นความยั่งยืนให้แก่ชุมชนในด้านประชาธิปไตย ปี 2011 กล่าวว่า ได้ส่งผู้สังเกตการณ์หมื่นกว่าคนลงเขตเลือกตั้งทั่วประเทศเพื่อตรวจสอบความโปร่งใสในการเลือกตั้ง แต่อาจไม่ได้ทุกเขตจากจำนวนเขตเลือกตั้งทั้งหมด 1.9 หมื่นเขตทั่วประเทศ แต่จะเลือกส่งไปยังเขตที่เป็นจุดเสี่ยงต่อความขัดแย้งระหว่างพรรครัฐบาลกับพรรคฝ่ายค้าน และพื้นที่เสี่ยงต่อการโกงบัตรเลือกตั้ง

 

สำหรับสถานการณ์เลือกตั้งปัจจุบัน พบว่า รายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งต่างจากหลายครั้งที่ผ่านมา เราพบว่าการเลือกตั้งยังไม่เสรีและยุติธรรมอย่างแท้จริง เพราะพบปัญหาหลายอย่าง โดยเฉพาะสถานการณ์ไม่ปกติเกี่ยวกับการกาเสียง เพราะสื่อเป็นของรัฐหมด ฝ่ายค้านไม่มีโอกาส และสื่อรัฐมีการปิดบังข้อมูล ในการเลือกตั้ง ทั้งทหาร ตำรวจ ตุลาการ ตามกฎหมายแล้วไม่มีอำนาจช่วยพรรคการเมืองหาเสียงได้ แต่พบว่า CPP กลับมีหน่วยงานรัฐช่วยอุปถัมภ์เป็นอย่างดี

 

“ที่สำคัญรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีปัญหาถึง 1ล้านกว่าชื่อ เป็นความผิดปกติ ได้แก่ ชื่อผิดผิด รายชื่อมีปัญหา บางคนเคยมีชื่อ แต่กลับหายไป มีคนตายแต่รายชื่อยังอยู่ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่เก็บข้อมูลส่วนใหญ่ก็เป็นเจ้าหน้าที่ของ CPP เอง ทำให้รายชื่อไม่ควรเป็นอย่างที่เป็น และสร้างความสับสนให้ประชาชนอย่างมาก ในภาพรวมมีการบิดเบือนข้อมูลอย่างมาก เราพบสถานการณ์ไม่ปกติ เช่น การขอซื้อเสียงที่เกิดขึ้น มีการซื้อกันอย่างตรงไปตรงมาล่วงหน้าก่อนการเลือกตั้ง และในการเลือกตั้งกัมพูชามาแล้วหลายครั้ง มีบางเอกสารที่ไม่มีการชี้แจง เช่น การชี้แจงสถานะบุคคล เราพบมีการออกเอกสารเพื่อให้ประชาชนนำไปใช้แสดงตนในการเลือกตั้งโดยไม่ต้องมีบัตรประชาชนออกมาถึง 1 ล้านใบ และฝ่ายค้านก็จับได้เพราะสามารถทำให้เกิดการทุจริตได้ ซึ่งรบ.สามารถโกงโดยเอารายช่อเหล่านี้ไปเลือกตั้งซึ้งฝ่ายค้านก็เคยจับได้ และ ผมเพิ่งเห็นครั้งนี้ที่นายสมไม่มีสิทธิ์เป็นตัวแทนพรรคในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ถือเป็นประวัติการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งนี้ข้อมูลความผิดปกติทั้งหลาย จะมีการเปิดเผยต่อนานาชาติด้วย” นายคลกล่าว

 

@ CPP ลั่น ชาวเขมร ต้องการเปลี่ยนประเทศ ปลุกชาตินิยมเปลี่ยนผู้นำ ยก เขมรสปริง กำลังจะเกิด หวั่น แพ้เลือกตั้งผู้นำเก่าไม่ยอม อาจรัฐประหารหรือไม่ เชื่อ ปชช.ลุกฮือเหจุไม่พอใจผู้นำขายที่ดินให้ต่างชาติ เอาใจเวียดนาม ครอบครัวผูกขาดธุรกิจรวยกระจุก

 

นายสน ชัย (Son Chhay ) ประธาน ส.ส.พรรค และโฆษกพรรค CPP
นายสน ชัย (Son Chhay ) ประธาน ส.ส.พรรค และโฆษกพรรค CPP

ที่ทำการพรรค CPP กรุงพนมเปญ นายสน ชัย (Son Chhay ) ประธาน ส.ส.พรรคและโฆษกพรรค CPP ได้รับมอบหมายจาก สม รังสี ซึ่งติดภารกิจหาเสียงอยู่ที่เขตห่างไกลของกัมพูชาเป็นผู้ชี้แจงและให้สัมภาษณ์ถึงโค้งสุดท้ายเลือกตั้งกัมพูชา ว่า CPP ค่อนข้างเสียเปรียบเป็นอย่างมากในโอกาสของการหาเสียง เพราะฝ่ายรัฐบาลใช้ทั้งสื่อทีวี หนังสือพิมพ์ มาโจมตีผู้นำฝ่ายค้านในเรื่องส่วนตัว ทั้งเรื่องที่หาว่ามีแนวคิดคล้ายกับ เขมรแดง เรื่องชู้สาว แต่ก็โชคดีที่ประชาชนทั่วไปรู้ดีว่าอะไรคืออะไรจากการปกครองที่ยาวนานมาเกือบ 30 ปี

 

นายสน กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการรวมขณะนี้มีความเปลี่ยนแปลงไปมากและดีต่อ CNRP ถ้าดูเก้าอี้ส.ส.ในเขตหมู่บ้าน เรามีถึง 37 เก้าอี้ และมีทิศทางที่ประชาชนที่ได้รู้ข้อเท็จจริงจะให้การสนับสนุนมากขึ้น โดยเฉพาะการที่ประชาชนกัมพูชาออกมาต้อนรับนายสม รังสี ในการเดินทางกลับประเทศที่สนามบินอย่างยิ่งใหญ่ ทำให้เราเชื่อว่าเราจะชนะได้ ทั้งนี้มีงานวิจัยของสถานบันไอโออาร์ ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกตั้ง พบเปอร์เซ็นต์ของผู้มีสิทธิเลือกตังให้การสนับสนุน CNRP สูงถึง 60%

 

 

 

“เราอยากเห็นกัมพูชามีการเปลี่ยนแปลง กองทัพต้องเป็นของประชาชน และปกป้องประชาชน ไม่ใช่ของคนใดในประเทศ หรือปกป้องบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ถ้าเรามาดูปัจจุบัน ประชาชนไม่มีความระแวงหรือหวาดกลัวอีกแล้ว ดังนั้นกำลังประชาชนมีความสำคัญมาก ผมอยากเน้นให้ย้อนไปเมื่อ ค.ศ. 1997 ในตอนนั้นแต่ละพรรคจะมีกองทัพของตัวเอง พรรคฟุนชินเปกก็มีกำลัง แต่ตอนนี้มีพรรคเดียวที่มีคือ CPP ส่วนCNRPเราไม่มีอะไรนอกจากกำลังประชาชนเท่านั้น”นายสนกล่าว

 

ส่วนกรณีที่ ฮุน เซ็น ออกมาบอกว่าจะอยู่ในอำนาจต่อไปอีก13ปี นายสนกล่าวว่า คำกล่าวดังกล่าวไม่ได้ทำให้ CNRP วิตกกังวลแต่อย่างใด เพราะเป็นการพูดสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญกัมพูชาที่ให้ผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯได้ถึงอายุ 90 ปี คำพูดดังกล่าวจึงไม่สร้างความสับสนแก่เราแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามคาดว่าหาก ฝ่ายของ ฮุน เซน พ่ายแพ้ แล้วมีการใช้กองทัพหรือกำลังของกองทัพเพื่อให้สามารถครองอำนาจต่อไป รัฐบาลที่จัดตั้งโดย CPNRP ก็อาจมีปัญหา

 

แต่เชื่อว่าการปฏิวัติคงไม่เกิดขึ้น เพราะ ฮุน เซน และเครือญาติมีเงินและธุรกิจส่วนตัวในกัมพูชาเยอะมาก จึงไม่คิดว่าจะมีการปฏิวัติเพราะจะกระทบต่อภาพลักษณ์และธุรกิจของตัวเอง แต่ขณะนี้ขณะนี้มีนายทหารจากชายแดนเขาพระวิหารโทรมาบอกว่า มีคำสั่งให้ทหารชายแดนพระวิหารเข้ามาออกเสียงเลือกตั้งแล้ว ดังนั้นสิ่งที่ CNRP ห่วงมาตอนนี้คือการโกงบัตรเลือกตั้ง

 

เมื่อถามว่า การเปลี่ยนแปลงโดยประชาชนเช่นเดียวกับอาหรับสปริงจะเกิดในกัมพูชาได้หรือไม่ นายสนตอบว่า ทำอย่างไรให้ไม่มีการโกงการเลือกตั้ง เราอยากให้ประชาชนมีสิทธิที่จะแสดงออกว่าการกระทำของรัฐบาลที่ผ่านมาดีหรือไม่ เพราะตอนนี้ไม่ใช่แค่ประชาชนมองอย่างเดียว ต่างชาติก็มองด้วย ถ้ามีเรื่องที่จะเกิดมาไปกว่านั้น ก็ต้องดูตามสถานการณ์ ถ้าเราดูภาพรวมประเทศ ประชาชนเพียงแค่อยากมีชีวิตที่ดี อยากได้เสรีภาพ ความยุติธรรม แต่ปัจจุบันเราเห็นว่าการปกป้องสิ่งเหล่านั้น โดยเฉพาะเรื่องที่ดิน ที่ทำกิน ทำได้ยากขึ้น และคนกัมพูชาจะไม่นับถือคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด ตัวอย่างก็มีแล้วที่เกิดขึ้นใน นายพลกัดดาฟี ของลิเบีย ที่ถูกประชาชนโค่นล้ม

 

“ถึงเวลาแล้วที่ชาวกัมพูชาต้องช่วยกันผลักดันระบบประชาธิปไตยให้ดีขึ้น ต้องช่วยกันป้องกันแผ่นดินของเราเอง เพราะผู้นำวันนี้ติดบุญคุณเวียดนามเยอะ ใช้หนี้กันไม่รู้จักหมด เราต้องคัดค้านทุกเรื่องที่ผู้นำที่เอาที่ดินไปให้สัมปทานแก่ต่างชาติมาใช้ประโยชน์ รวมทั้งปัญหาคนเข้าเมืองผิดกฎหมายซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนเวียดนาม ที่สำคัญคือการปราบปรามการทุจริตทุกรูปแบบ เพราะทุกวันนี้รอบตัวผู้นำมีแต่การคอร์รัปชั่น CNRP จะเอาเงินส่วนนี้มาขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ให้สวัสดิการประชาชน เพื่อพัฒนาประเทศต่อไป เราจะผลักดันให้มีระบบรัฐสภาที่เข้มแข็ง ให้การตรวจสอบต่อรองในสภามีประสิทธิภาพขึ้น”นายสนกล่าว

 

@ อัด ฮุน เซน เบี้ยวข้อตกลงยูเอ็น ให้กกต.บีบตัดสิทธิ์ สม รังสี ลงสมัคร เปิดประตู จัดรบ.ผสม CNRP-CPP แต่เลือกเฉพาะคนดีมาช่วยกันทำงาน

 

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้หากเสียงจัดตั้งรัฐบาลไม่เพียงพอ ขณะที่กัมพูชามีเพียง 2 พรรคใหญ่ เป็นไปได้หรือไม่ที่จะเป็นการจัดตั้งรัฐบาลผสมระหว่าง CNRP กับ CPP นายสนกล่าวว่า ถ้า CPP ได้เสียงข้างมาก เราไม่ปิดกั้นและจะมีการพูดคุยกับทุกฝ่าย ไม่ได้ขึ้นกับการเป็นพรรคไหน แต่จะทำอย่างไรให้ประเทศอยู่ได้ ให้โอกาส CPP มาช่วยกันปรับปรุงให้ดีขึ้น เพราะที่ผ่านมามีความน่าเป็นห่วงในประวัติศาสตร์การเมืองกัมพูชา หลังผู้นำคนเก่าออก คนใหม่มามักจะเกิดปัญหาตลอด เราอยากเห็นเหมือนแบบไทยที่เปลี่ยนนายกฯก็พัฒนาต่อทำงานต่อไปได้ CNRP ได้ประกาศเป็นทางการแล้วว่า ถ้าจะเป็นรัฐบาล เราต้องเป็นรัฐบาลของประชาชน ไม่ใช่รัฐบาลนอมินีของประเทศไหน เราจะดึงประชาชนที่มีความสามารถมาทำงาน

 

“ในการก่อสร้างและพัฒนาประเทศไม่ใช่ CNRP เท่านั้นที่จะทำได้ ถ้าจะมอง CPP เองก็มีคนขยันและมีความสามารถ สังคมมีทั้งคนดีและคนไม่ดี แต่เราต้องมาช่วยกันพัฒนาระเทศ ตัวอย่างการพัฒนาในฝรั่งเศสและสหรัฐอเมริกา การที่เราดึงเอาคนมีความสารถมาทำงานจะเป็นเรื่องที่ดี ในปี 1993 CPP เกิดมาจากพรรคคอมมิวนิสต์และรัฐบาลปัจจุบันก็ยังคงลักษณะนั้นอยู่ แต่วันนี้เราเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องเปลี่ยนแปลง ดังนั้นวันนี้เรายังไม่สามารถตอบได้ว่าเราจะร่วมกับ CPP หรือไม่ ต้องดูตามสถานการณ์จริง เพราะเราต้องเจาะจงตัวบุคคลว่าคนนั้นมีประสบการณ์และเป็นคนดีหรือไม่ เพราะรัฐธรรมนูญกัมพูชาจัดตั้งรัฐบาลได้ต้องมีเสียงเกินครึ่ง เราสามารถเปิดประตูให้คนมาช่วยกันทำงานได้”นายสนกล่าว

 

@ประกาศแก้รธน. ให้ สม รังสี เป็นนายกฯให้ได้ เผยมี 2 สูตรทำได้แน่

 

เมื่อถามว่า สถานะล่าสุดของนายสม กกต.กัมพูชาไม่ให้สิทธิลงสมัครส.ส. ทำให้ไม่สามารถเป็นนายกฯได้ จะแก้ปัญหาอย่างไร

 

โฆษก CNRP กล่าวว่า CNRO ได้ประชุมหารือกัน โดยยึดตามที่องค์การสหประชาชาติ(UN)ที่ได้เสนอแนะมาก่อนหน้าที่ โดย 1 ใน 18 ข้อเสนอแนะ คือ การให้ นายสม รังสีกลับประเทศและมีสิทธิทุกอย่างในการเลือกตั้ง ให้เป็นส.ส. ให้ทำงานได้ แต่รัฐบาลของ ฮุน เซน กลับไม่ทำตามข้อเสนอของ UN โดยเอากกต.มากดดันและบีบไม่ให้ลงสมัครได้

 

“CNRP จึงประชุมกันและมี 2 ทางเลือกในการให้นายสมได้กลับมาเป็น ส.ส. และเป็นนายกฯได้ คือ หลังเลือกตั้งเสร็จเราจะแก้รัฐธรรมนูญแบบเร่งด่วนเพื่อให้สิทธิแก่นายสมสามารถเป็นนายกฯคนนอกได้ นอกจากนี้ในเขตเลือกตั้งจังหวัดกันดาน มีส.ส.ได้ทั้งสิ้น 8 คน แต่ปัจจุบัน CMRP ส่งไปแค่ 7 คน อาจให้นายสมลงตรงนั้นให้ได้ย้อนกลับมาเป็นส.ส.ซึ่งจะเข้าคุณสมบัติของการเป็นนายกฯ”โฆษก CNRP กล่าว

 

น.ส.คิม โมนาวิทยา (Kem Monovithya) รองผู้อำนวยการพรรค CNRP ผู้มีบทบาทสำคัญในงานด้านสิทธิ งานเด็ก-สตรีและผู้ด้อยโอกาสของพรรค CNRP
น.ส.คิม โมนาวิทยา (Kem Monovithya) รองผู้อำนวยการพรรค CNRP ผู้มีบทบาทสำคัญในงานด้านสิทธิ งานเด็ก-สตรีและผู้ด้อยโอกาสของพรรค CNRP

ด้าน น.ส.คิม โมนาวิทยา (Kem Monovithya) รองผู้อำนวยการพรรค CNRP กล่าวถึงนโยบายพรรคว่า ปัญหาปากท้องประชาชนได้ทำให้เกิดแรงสนับสนุนต่อ CNRP อย่างเกินความคาดหมาย เรามีนโยบาย เพิ่มเงินเดือนแรงงานเป็น 150 ดอลลาร์ต่อเดือน เบี้ยผู้สูงอายุ 10ดอลลาร์ต่อเดือน เพิ่มเงินเดือนข้าราชการเป็น 250 ดอลลาร์ต่อเดือน ทำกองทุนกู้ยืมทางการศึกษา

 

ด้านเกษตรกรรมจะมีหาตลาดและเปิดตลาดเหมือนที่นโยบายไทยมีรับจำนำข้าวเพิ่มราคาสินาเกษตร ภาคบริการสถานสุขภาพของจะมีสวัสดิการรักษาพยาบาลฟรี และเพิ่มมาตรการดูแลแรงงงานที่ไปทำงานต่างประเทศโดยอำนวยความสะดวกเรื่องจัดทำวีซ่าและลดค่าใช้จ่ายในการทำวีซ่า

 – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –

เขียนโดย จำนง ศรีนคร สำนักข่าวอิศรา
25 กรกฏาคม 2013

 

 

On Key

Related Posts

หวั่นท่องเที่ยวพินาศหลังน้ำกกกลายเป็นสีขุ่นข้นจากเหมืองทองตอนบนในพม่า นายกฯอบต.ท่าตอนเตรียมทำหนังสือจี้รัฐบาลเร่งแก้ไข-ชาวเชียงรายเริ่มไม่กล้าเล่นน้ำ เผยปลาหายไป 70% ทสจ.ส่งทีมตรวจสอบคุณภาพน้ำ

———เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2568 พ.Read More →

ผบ.สส.เร่งหน่วยงานตรวจสอบคุณภาพน้ำกกหลังชุมชนผวาสารพิษเจือปนจากการทำเหมืองทองฝั่งพม่า ภาคประชาชนเผยน้ำกกขุ่นเพิ่มจากปีก่อน 8 เท่าหวั่นกระทบน้ำดิบทำประปา

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดีRead More →