ระแวงกองกำลังอาระกันแผ่ขยายอิทธิพลคลุมพื้นที่ กองทัพพม่าไม่ชอบใจแต่ไม่เปิดศึกอีกด้าน

สำนักข่าว Mizzima รายงานว่า แม้ทางกองทัพพม่าและกองทัพอาระกัน (Arakan Army – AA)จะลงนามหยุดยิงชั่วคราว แต่สถานการณ์สู้รบยังคงเกิดขึ้นอยู่เป็นระยะๆ ทั้งนี้กองทัพพม่ามองว่ากองทัพอาระกันกำลังเป็นภัยคุกคามใหม่สำหรับกองทัพพม่า เพราะขณะนี้กองทัพอาระกันกำลังแผ่ขยายอาณาเขตพื้นที่ควบคุมของตนเพิ่มมากขึ้น และกำลังมีอิทธิพลในพื้นที่ โดยกองทัพพม่าหวั่นว่า กองกำลังชาติพันธุ์ติดอาวุธกลุ่มนี้จะคุมพื้นที่ในรัฐอาระกันทั้งหมดในอนาคต

สื่อพม่ารายงานว่า ในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา กองทัพอาระกันแข็งแกร่งขึ้นและเข้าควบคุมในหลายพื้นที่ของรัฐอาระกัน หรือรัฐยะไข่ กองทัพอาระกันได้ใช้กฎหมายของตนปกครองในพื้นที่เหล่านี้ที่เข้ายึดครอง ซึ่งทำให้ไม่เป็นที่ชอบใจของกองทัพพม่ามากนัก นับตั้งแต่กองทัพพม่ายึดอำนาจเมื่อปีที่แล้ว กองทัพพม่าเองกำลังเผชิญกับปัญหาท้าทายหลายอย่าง

แม้กองทัพพม่าจะไม่ชอบใจอิทธิพลของกองทัพอาระกันที่กำลังแผ่ขยายในรัฐอาระกัน แต่กองทัพตั้ตมะด่อว์ก็พยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากองทัพอาระกันโดยตรง แม้ที่ผ่านมากองทัพพม่าจะโจมตีทั้งทางอากาศ บกและทางเรือกับกองทัพอาระกัน แต่ก็ยังสูญเสียเป็นจำนวนมาก ดังนั้นกองทัพพม่าจึงใช้วิธีข่มขู่ชาวบ้านที่เป็นทั้งชาติพันธุ์อาระกัน หรือชาวยะไข่ และชาวโรฮิงญาห้ามสนับสนุนช่วยเหลือกองทัพอาระกัน

ขณะที่สื่อพม่าอย่าง Mizzima  อ้างว่า กองทัพพม่ายังไม่ต้องการเห็นชาวยะไข่และชาวโรฮิงญาร่วมมือกัน เพราะนั่นจะทำให้สถานการณ์ของกองทัพพม่าลำบาก และกระเทือนต่อเป้าหมายที่ทางกลุ่มต้องการ

อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า ชาวโรฮิงญาไม่ได้ต้องการที่จะสู้รบกับชาวยะไข่ นับตั้งแต่พลเอกเต็งเส่งขึ้นมาบริหารประเทศระหว่างปี 2554 ถึงปี 2558 เพราะเหตุการณ์สู้รบฆ่าฟันกันระหว่างทั้งสองกลุ่มชาติพันธุ์มีแต่จะทำให้เกิดความสูญเสียและได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมากให้กับทั้งสองฝ่าย ขณะเดียวกันกองทัพพม่าหรือรัฐบาลในพื้นที่ไม่ได้ปฏิบัติต่อทั้งสองกลุ่มอย่างเท่าเทียม ยังคงมีการเลือกปฏิบัติต่อชาวโรฮิงญา ยกตัวอย่างเช่นการห้ามชาวโรฮิงญาเดินทางแม้แต่ในรัฐอาระกัน ในขณะที่ชาวยะไข่สามารถเดินทางได้อย่างเสรีทั่วประเทศ

ขณะที่เมื่อเร็วๆนี้องค์กรการเมืองของกองทัพอาระกันออกมาเตือนถึงความเป็นไปได้ว่าจะเกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่ายอีก หลังจากมีเหตุการณ์ลักลอบวางเพลิงในหลายจุดและในหลายพื้นที่ เช่นที่เมืองมรัคอูและที่เมืองเจ้าก์ผิ่ว สื่อพม่าอ้างว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลพม่านั้นไม่ได้มีความพยายามที่จะช่วยเหลือชุมชนใดชุมชนหนึ่ง แต่กลับยุยงให้เกิดความไม่สงบระหว่างทั้งสองกลุ่มเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของตน แต่ในขณะที่กองทัพอาระกันนั้นมองต่างออกไป โดยต้องการหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่าย

ทั้งนี้กองทัพอาระกันแรกเริ่มก่อตั้งมีกำลังพลเป็นชายหนุ่มแค่ 20 นาย เมื่อปี 2552 ที่รัฐคะฉิ่น ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธกลุ่มใหม่ที่สุดที่เข้าร่วมปฏิวัติ กองทัพอาระกันเริ่มต้นต่อสู้กับกองทัพพม่าในปี 2558 เพราะเชื่อว่า รัฐบาลพม่าแม้ภายใต้การบริหารของรัฐบาลเอ็นแอลดีของนางอองซาน ซูจีก็ตาม ไม่ให้ความสำคัญกับคนในรัฐอาระกัน สงครามครั้งหนักสุดระหว่างกองทัพพม่าและกองทัพอาระกันเกิดขึ้นในปี 2561 ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นมีประชาชนเสียชีวิต 100 คน และถูกทางการพม่าจับกุมอีก 300 คน โดยคนเหล่านี้ที่ถูกจับถูกกล่าวหาว่าเป็นทหารกองทัพอาระกัน บางส่วนถูกสังหารเสียชีวิตในคุก และมีประชาชนต้องกลายเป็นผู้ลี้ภัยกว่า 2 แสนคน

อย่างไรก็ตามก่อนหน้าที่ พล.อ.มิ้นอ่องหล่ายยึดอำนาจแค่ 3 เดือน กองทัพอาระกันได้ลงนามหยุดยิงกับกองทัพพม่า โดยโฆษกของกองทัพอาระกันกล่าวว่า หากกองทัพพม่าไม่โจมตีทางกลุ่มตน ความสงบสุขก็จะเกิดขึ้นในรัฐอาระกัน พร้อมกันนี้ทางกลุ่มได้ออกมาประกาศจะไม่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมเคลื่อนไหวที่ต่อต้านกองทัพพม่า แม้หลายกลุ่มจะออกมาเรียกร้องให้ทางกองทัพอาระกันออกมาเคลื่อนไหวก็ตาม