เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2565 น.ส.มด(นามสมมุติ) เปิดเผยว่าตนและเพื่อนๆ ถูกหลอกให้ไปทำงานในบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ ฝั่งประเทศลาว โดยตนและเพื่อนๆ รวม 5 คนได้รับการชักชวนจากนายหน้าคนไทยให้ไปทำงานเป็นแอดมินหรือคนควบคุมเว็บไซต์ในบ่อนคาสิโนออนไลน์ ซึ่งจะได้เงินเดือนคนละ 30,000 บาท สัญญางาน 6 เดือน ซึ่งนายหน้าได้ลักลอบพาพวกตนข้ามแดนโดยนั่งเรือข้ามไปยังฝั่งลาว และพาเดินทางด้วยรถยนต์ไปอาคารหลังหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กับแหล่งคาซิโนของอาณาจักรคิงส์โรมัน ห่างจากแม่น้ำโขงราว 2 กิโลเมตร
น.ส.มดกล่าวว่า เมื่อไปถึงนายจ้างได้นำสัญญามาให้เซ็นชื่อปรากฏว่าไม่ได้เป็นไปอย่างที่ตกลงกันไว้เบื้องต้น โดยถูกบังคับให้ทำงานหลอกลวงให้คนนำเงินมาลงทุนในตลาดออนไลน์ เช่น เทรดทอง เทรดสกุลเงินดิจิตอล โดยพวกตนต้องสร้างบัญชีปลอมในโซเชียล เช่น อินสตาแกรม facebook แล้วสร้างตัวตนให้น่าเชื่อถือเพื่อชักชวนให้บุคคลต่างๆ ที่มีฐานะดีมาร่วมลงทุน โดยต้องทำงานถึงวันละ 15 ชั่วโมง โดยแบ่งกันเป็นโซนทำงานกันเป็นโซนยุโรป ไทย และจีน โดยพวกตนได้รับมอบหมายให้ชักชวนลูกค้าโซนยุโรป แต่พวกตนไม่อยากทำ จึงทำให้นายจ้างจะขายพวกตนต่อไปยังบริษัทอื่น
น.ส.มดกล่าวว่า นอกจากพวกตน 5 คนแล้ว ยังมีคนไทยที่ถูกหลอกมาสมทบอีก 6 คน และรวมกับคนที่เดินทางไปก่อนหน้านี้อีกรวมเป็น 24 คน ซึ่งจากการพูดคุยกันทำให้ทราบว่ามีบริษัทในลักษณะเดียวกันที่อยู่ในชั้นอื่นๆ ของอาคารหลังเดียวกันอีก บางชั้นมีพนักงานถึง 90 คนซึ่งมีทั้งคนที่ถูกหลอกและคนที่สมัครใจ
“พวกเราถูกบังคับให้ทำงาน เจ้าของบริษัทที่เป็นคนจีนให้ลูกน้องคอยคุมอยู่ตลอด ต้องให้คนในบริษัทเท่านั้นมารับถึงจะพาพวกเราออกไปได้ ในแต่ละวันใครที่หลอกคนมาลงทุนได้ก็จะได้ส่วนแบ่ง ถ้าเป็นลูกค้ารายใหญ่เขาก็จะตีกลองแสดงความดีใจกัน แต่พวกเราไม่ดีใจด้วย คนที่หลงเชื่อส่วนใหญ่เพราะอยากได้เงินง่ายๆ เมื่อเห็นว่าลงทุนครั้งแรกๆ ได้กำไรก็นำเงินมาลงทุนเพิ่มขึ้น จนสุดท้ายเขาก็ปิดบริษัทหนี บางคนเสียเงินเป็นล้านๆ บาท พนักงานมีหน้าที่แค่ชักชวน หากเหยื่อติดเบ็ดแล้ว บอสใหญ่จะเข้ามาดูแลเรื่องการโอนเงินเอง” น.ส.มด กล่าว
น.ส.มดกล่าวว่า พวกตนพยายามหาช่องทางหนี จนกระทั่งมีเพื่อนคนลาวชี้ช่องทางให้แต่ต้องเสียเงินถึง 4 หมื่นบาทเพราะเขาต้องจ่ายให้ตำรวจและทหารซึ่งตนไม่แน่ใจว่าฝั่งไหน และพาขึ้นเรือกลับมายังฝั่งไทย แต่ตอนนี้รู้สึกเป็นห่วงเพื่อนอีก 4 คนที่ยังตกค้างอยู่ฝั่งคิงส์โรมันเพราะพวกเขาไม่มีเงิน
“เคยมีคนไทยพยายามหนีข้ามฝั่งกลับมา บางคนว่ายน้ำกลับมาแต่โชคดีที่พบเรือชาวประมงช่วยไว้ เพื่อนคนลาวที่ทำงานอยู่ด้วยกันยังถามเราเลยว่ามากันทำไม ตอนแรกที่เขาชวนมา เราไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ เราไม่เคยได้ออกไปข้างนอกเลย มีแต่เดินไประหว่างตึกที่ทำงานและห้องนอนซึ่งมีสภาพแออัด ห้องน้ำมีเพียงห้องเดียวซึ่งสกปรกมาก” น.ส.มด กล่าว และว่านอกจากไม่ได้รับเงินเดือนเลยแม้แต่บาทเดียว ตนยังต้องเสียเงินเพื่อหนีกลับมาประเทศไทย
ขณะที่นายชัย(นามสมมุติ) ซึ่งถูกบังคับให้ทำงานอยู่ในคิงส์โรมันให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า อยากกลับบ้านมากแต่ไม่สามารถกลับได้เพราะมีการควบคุมที่เข้มงวดมาก นายจ้างบอกว่าหากต้องเดินทางกลับให้นำเงินมาจ่าย 1 แสนบาทเพราะเขาซื้อพวกตนมา
“ผมไม่รู้จะไปหาเงินที่ไหน เพราะทำงานที่บริษัทเดิมก็ยังไม่ได้เงินเดือนแม้แต่บาทเดียว พวกเราได้ร้องเรียนไปยังสถานทูตไทยในลาวทางอีเมล เขาก็บอกว่าจะขอข้อมูลเพิ่ม แต่จนบัดนี้ก็เงียบหายไป ตอนนี้ผมรู้สึกเครียดและกดดันมาก เพราะกลัวว่าจะถูกนำไปขายต่อ เพื่อนๆ ชาวลาวเตือนว่า ใครที่แข็งข้อกับเขาก็จะถูกขายต่อไปเรื่อยๆ ผมกลัวว่าจะถูกยึดโทรศัพท์และติดต่อใครไม่ได้” นายชัย กล่าว
ก่อนหน้านี้ได้มีการร้องเรียนกรณีคนไทยถูกหลอกไปทำงานที่เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ซึ่งนายภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้มีหนังสือด่วนที่สุด ลงที่ ชร.001183/3933 ลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ขอความร่วมมือไปยังเจ้าแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ให้ช่วยเหลือคนไทยที่ไปทำงานในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำดังกล่าวโดยระบุว่ามีคนไทยจำนวน 10 ราย ถูกนายหน้าหลอกให้ไปทำงานสกิมเมอร์หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ และมีความประสงค์จะขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือในการเดินทางกลับประเทศไทย ดังนั้น จ.เชียงราย จึงขอให้ทางแขวงบ่อแก้วประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ช่วยเหลือและคุ้มครองคนไทยทั้งหมดซึ่งถูกหลอกให้ไปทำงานอยู่ที่ตึกอพาร์ทเม้นแห่งหนึ่ง และอาคารที่พักตึกหลังที่ 3