สำนักข่าว Karen News รายงานเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2565 ชาวบ้านในหมู่บ้านกะโยนโด่ เมืองกอกะเร็ก รัฐกะเหรี่ยง ได้ร้องเรียนว่าขณะนี้ข้าวของโดยเฉพาะเทียนไข ถ่าน และฟืน ราคาพุ่งขึ้นเท่าตัว โดยหลังจากไฟฟ้าดับบ่อยในพม่า ชาวบ้านหันมาใช้ฟืนและถ่านประกอบอาหารมากขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้สินค้าเหล่านี้จะมีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน แต่ชาวบ้านบางส่วนไม่สามารถซื้อได้ เพราะราคาสูงเกินไป
“เทียนไขจากราคาแพ็คละ 500 จั้ต (ประมาณ 9 บาท) ตอนนี้ราคา 1,000 จั้ต (18 บาท) และถ่านจากราคาเดิมถุงละ 2,000 จั้ต (37 บาท) ตอนนี้ขยับเป็น 6,000 จั้ต (112 บาท) ส่วนราคาฟืนมัดหนึ่งราคา 5,00 จั้ต(ประมาณ 9 บาท )เท่าเดิม แต่ปริมาณลดลงกว่าครึ่ง” ชาวบ้านให้ข้อมูล พร้อมระบุว่า ถึงแม้จะมีราคาแพง แต่สินค้าทั้งสามอย่างก็ขาดแคลน ไม่สามารถหาซื้อได้ตลอดเวลา ชาวบ้านจึงต้องกักตุนไว้ ปัจจุบันนี้ ชีวิตความเป็นอยู่ยากลำบากมากขึ้น
โก่วินซอ ชาวบ้านในเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง กล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าในพื้นที่ไม่มีการแจ้งให้ประชาชนทราบล่วงหน้าว่าไฟฟ้าจะดับเมื่อไหร่ ทำให้ประชาชนไม่ได้เตรียมตัว
“ไฟฟ้าดับได้ตลอดเวลา บางครั้งเกิดขึ้นตอนที่ชาวบ้านกำลังหุงข้าว ข้าวที่ยังหุงไม่สุกก็จำเป็นต้องเททิ้งไป จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากหากทางการแจ้งให้ประชาชนทราบว่าเมื่อไหร่ไฟฟ้าจะดับ เพราะเราจะได้เตรียมตัว” เขากล่าว ขณะที่มีรายงานว่า ในบางพื้นที่ของรัฐกะเหรี่ยงนั้น มีไฟฟ้าใช้แค่วันละ 2 ชั่วโมงเท่านั้น
ทั้งนี้ภายใต้การบริหารของกองทัพพม่า การจ่ายไฟฟ้าในประเทศลดลงมากกว่าครึ่งหนึ่ง ทำให้ประชาชนทั่วประเทศได้รับความเดือดร้อนหนัก โรงงานเย็บผ้าขนาดเล็กราว 200 แห่งบริเวณชายแดนเมืองเมียวดี กำลังได้ความเสียหายทางธุรกิจด้วยเช่นกัน สาเหตุเพราะไฟฟ้าดับ ทำให้ไม่สามารถตัดเย็บส่งลูกค้าฝั่งไทยตามระยะเวลาที่กำหนด
นอกจากที่รัฐกะเหรี่ยงแล้ว สำนักข่าว SHAN รายงานว่า ประชาชนในเมืองตองจี เมืองหลวงของรัฐฉานก็ประสบปัญหาไม่แตกต่างจากพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ ราคาถ่าน ฟืน และน้ำมันเชื้อเพลิงแพงขึ้นหลายเท่าตัว
นอกจากนี้ ประชาชนในพื้นที่ยังต้องซื้อน้ำดื่มและน้ำสำหรับใช้ในครัวเรือนที่แพงขึ้น โดยชาวบ้านในพื้นที่ระบุว่า สินค้าทุกอย่างแพงขึ้น แต่ค่าแรงเท่าเดิม ความเป็นอยู่ของประชาชนยากลำบากมากขึ้นตั้งแต่ทหารยึดอำนาจ
