
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2565 สื่อมวลชนหลายสำนักในพม่า เช่น Irrawaddy, Mizzima และ DVB เสนอข่าวว่า กองทัพพม่ายังคงเดินหน้าละเมิดสิทธิมนุษยชนและเผาทำลายบ้านเรือนของชาวบ้านในหลายเขตพื้นที่ทั่วประเทศ ขณะที่เหตุสงครามและความขัดแย้งกำลังส่งผลให้ประชาชนที่ต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นภายใน (IDP) กำลังเผชิญกับการขาดแคลนอาหาร ยารักษาโรค นอกจากนี้เด็กๆ อีกหลายชีวิตกำลังเป็นโรคขาดสารอาหาร
สำนักข่าว Kantarawaddy ระบุโดยอ้างอิงรายงานของกลุ่มเพื่อสิทธิมนุษยชนคะเรนนี (The Karenni Human Rights Group) ว่า ขณะนี้กองทัพพม่ากำลังพยายามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยการปิดกั้นความช่วยเหลือด้านอาหารให้กับผู้พลัดถิ่นภายใน ในรัฐคะเรนนี ที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม นอกจากนี้ระหว่างโจมตีในชุมชน ทางทหารพม่าได้เผาทำลายบ้านเรือนของประชาชนและวางกับระเบิดรอบๆ หมู่บ้าน เพื่อไม่ต้องการให้ชาวบ้านกลับบ้านของพวกเขา
“หากชาวบ้านพยายามกลับบ้านของพวกเขา ก็คงถูกฆ่าตาย” กลุ่มสิทธิมนุษยชนคะเรนนีระบุ
ชาวบ้านในพื้นที่ในเมืองเดโมโส่กล่าวว่า ทหารพม่าได้ใช้ปืนใหญ่โจมตีในหมู่บ้านโดยเฉพาะในช่วงกลางดึก เสียงปืนได้ปลุกให้ชาวบ้านต้องหนีไปยังหลุมหลบภัย
“ในหมู่บ้านของเรามีผู้สูงอายุและเด็กเยอะ ผู้สูงอายุไม่สามารถที่ที่จะอยู่ในหลุมหลบภัยได้ทั้งคืน ในขณะนี้เด็กๆต่างส่งเสียงร้องไห้เมื่อได้ยินเสียงปืน” ชาวบ้านในพื้นที่กล่าว ทั้งนี้ พื้นที่รัฐคะเรนนีตึงเครียดมาตั้งแต่เดือน พฤษภาคมของปีที่แล้ว กองทัพพม่าได้ใช้ปืนใหญ่ เครื่องบินขับไล่เป็นต้น โจมตีกลุ่มติดอาวุธในพื้นที่และประชาชน เหตุการณ์เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว
ส่วน Irrawaddy รายงานว่า เส้นทางหลักที่มุ่งสู่เมืองเดโมโส่ขณะนี้ถูกปิดกั้น มีความพยายามของกองทัพพม่าที่โจมตีเมืองโมเบ เมื่อเดือนที่แล้วเพื่อหวังโดดเดี่ยวเมืองเดโมโส่ สถานการณ์ในเมืองเดโมโส่ถือว่าน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นพื้นที่ทีมีการต่อสู้กันอย่างหนัก กองทัพ Karenni Nationalities Defense Force เผยว่า ทหารพม่าได้ยิงปืนใหญ่ 100 ลูกต่อวัน
ขณะที่เหตุสู้รบได้ขยายเข้ามาใกล้กับค่ายพักพิงชั่วครามของชาวบ้านที่หนีภัยสงคราม และผู้ลี้ภัยเหล่านี้กำลังเผชิญกับการขาดแคลนอาหารและน้ำดื่มสะอาดไว้อยู่แล้ว ชาวบ้านประทังชีวิตด้วยการกินข้าวโพดและผักในป่า และหากสงครามเกิดขึ้นใกล้ศูนย์พักพิงผู้พลัดถิ่นภายใน จะส่งผลให้ผู้พลัดถิ่นภายในต้องหนีเข้าไปในป่า ยิ่งทำให้สถานการณ์ด้านอาหารยากลำบากมากยิ่งขึ้น โดยชาวบ้านหนีภัยสงครามเหล่านี้พึ่งพาความช่วยเหลือด้านอาหารจากองค์กรภาคประชาสังคมและการรับบริจาคจากทั่วประเทศในพม่า
โฆษกของเครือข่ายช่วยเหลือผู้ลี้ภัยคะเรนนี (Karenni Refugees Support Network) ระบุว่า เมื่อสอบถามความช่วยเหลือไปยังรัฐบาล NUG ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ผู้พลัดถิ่นภายในสงครามจะเผชิญอดอยากและตอนนี้เด็กๆก็เผชิญกับโรคขาดสารอาหารแล้ว
ทั้งนี้ นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กองทัพพม่าได้เพิ่มกำลังพลเข้ามาในพื้นที่เมืองเดโมโส่ ซึ่งเมืองนี้ถูกมองว่าสำคัญทางยุทธศาสตร์เนื่องจากอยู่ใกล้กับเมืองเนปีดอว์ องค์กรภาคสังคมของรัฐคะเรนนีระบุว่า จนถึงวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา สงครามและความรุนแรงในรัฐคะเรนนีทำให้ประชาชน 177,115 ได้รับผลกระทบและต้องพลัดถิ่นไปอยู่ที่อื่น และอีก 212 ต้องถูกฆ่าเสียชีวิต
เหตุการณ์ผู้พลัดถิ่นภายในจากสงครามกำลังเผชิญกับความอดอยากยังเกิดขึ้นที่หมู่บ้าน ซัมมาทาร์ หมู่บ้านซันอินนุและหมู่บ้านใกล้เคียงของเมืองกั่นเพ็ตเล็ต รัฐชิน มีชาวบ้านราว 900 คนต้องหนีไปอยู่ในป่าบนภูเขา ในจำนวนนี้มีทั้งเด็ก ผู้สูงอายุและหญิงตั้งครรภ์รวมอยู่ด้วย ทั้งหมดกำลังขาดแคลนอาหารและยารักษาโรค ชาวบ้านในพื้นที่เปิดเผยว่า เหตุสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างกองทัพพม่าและกองทัพ Chinland Defense Force (CDF) เปิดฉากสู้รบกันตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา สงครามที่ยืดเยื้อและยาวนานขึ้นจะทำให้ชาวบ้านเผชิญความยากลำบากมากยิ่งขึ้น ชาวบ้านในพื้นที่กล่าว
ขณะที่เขตสะกาย ทหารพม่ากำลังพล 50 นาย ได้เข้าเผาทำลายบ้านเรือน อาคาร 30 หลังในสองหมู่บ้านของเมืองหยิ่นมะบิน เขตสะกาย เมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา โดยทหารพม่าได้สังหารชาวบ้านที่พบระหว่างทางเสียชีวิต 2 ราย และนับตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา ทหารพม่าได้ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตในหลายพื้นที่ของเขตสะกาย ยกเว้นที่เมืองมงหย่า เมืองสกาย เมืองฉ่วยโบ่และเมืองกะเล เนื่องจากมีฐานบัญชาการของกองทัพพม่าตั้งอยู่ในพื้นที่เหล่านี้ เขตสะกายเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบถูกทหารพม่าเผาทำลายบ้านเรือนชาวบ้านมากที่สุดในประเทศ พบเป็นร้อยละ 60 ของประเทศ จากทั้งหมด 6,158 หลังคาเรือนที่ถูกทหารพม่าเผาทำลาย