
สำนักข่าว Karen News รายงานว่า นักโทษทางการเมืองในเรือนจำเมืองผาอัน หรือที่รู้จักในชื่อ “ต่องกะเล” รัฐกะเหรี่ยงกำลังเผชิญกับการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างหนักจากผู้คุมในเรือนจำ ทั้งการทรมานทำร้ายร่างกายตามอำเภอใจ การถูกล่ามโซ่ตลอดเวลา และการนำนักโทษทางการเมืองคุมขังในห้องขนาดเล็ก รวมไปถึงการปฏิเสธให้นักโทษทางการเมืองเข้าถึงรักษาพยาบาล
ทั้งนี้สำนักข่าว Karen News ได้ทำข่าวสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้พบว่า มีนักโทษทางการเมืองเป็นจำนวนมากได้รับบาดเจ็บเพราะถูกผู้คุมในเรือนจำทรมานร่างกาย เช่น การยิงหนังสติ้กใส่นักโทษทางการเมือง จนบางคนได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดเรือนจำได้เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ในเรือนจำผาอันได้ปฏิเสธให้การรักษาพยาบาลแก่นักโทษการเมืองที่ได้รับบาดเจ็บหรือเจ็บป่วย นอกจากนี้ยังทรมานนักโทษการเมืองด้วยการไม่ให้กินอาหาร หรือแม้กระทั่งมีอำนาจสามารถยิงนักโทษได้หากขัดขืนคำสั่ง
นอกจากปัญหาเรื่องการถูกทำร้ายร่างกายในเรือนจำแล้ว ญาติของนักโทษทางการเมืองยังเปิดเผยว่า การส่งเงินไปให้นักโทษการเมือง บางครั้งเงินไปไม่ถึงนักโทษ หรือได้รับเงินไม่เต็มจำนวน นอกจากปัญหาเหล่านี้แล้วยังพบว่า ชีวิตความเป็นอยู่ของนักโทษนั้นย่ำแย่ ไม่มีน้ำสะอาดสำหรับใช้และดื่ม ทำให้นักโทษทางการเมืองหลายคนเริ่มเป็นโรคผิวหนัง ซึ่งนักโทษทางการเมืองในเรือนจำได้ออกมาเคลื่อนไหวประท้วงการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเรือนจำผาอันด้วยการร้องเพลงการเมืองทุกๆ วัน แต่ทางเรือนจำก็เปิดเพลงเกี่ยวกับศาสนาเพื่อกลบเสียงร้องของนักโทษการเมืองและเพื่อไม่ให้คนข้างนอกเรือนจำได้ยินเสียงนักโทษที่กำลังทุกข์ทรมานเหล่านั้น และนักโทษทางการเมืองในเมืองผาอัน ต้องการให้คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (International Committee of the Red Cross – ICRC) เข้ามาช่วยเหลือปกป้องสิทธิของพวกเขา
ด้านนายโก่เท็ตหน่าย เลขาธิการของสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองพม่า (The Assistance Association for Political Prisoners – AAPP) ระบุว่า นับตั้งแต่รัฐประหาร เรือนจำในพม่าถูกเปลี่ยนให้เป็นค่ายกักกันทหาร และนักโทษการเมืองทุกคนถูกกดขี่ข่มเหงด้วยความรุนแรง นักโทษถูกปฏิเสธการรักษาจากการติดเชื้อหรือการเจ็บป่วย อันมีสาเหตุมาจากความสภาพความเป็นอยู่ที่เลวร้าย การขาดแคลนน้ำดื่มสะอาดและการขาดแคลนอาหาร สิ่งที่เลวร้ายมากไปกว่านั้นคือ นักโทษถูกทำร้ายร่างกายโดยไม่มีเหตุผล และสิ่งเหล่านี้กำลังเกิดขึ้นในทุกเรือนจำทั่วประเทศ
นายโก่เท็ตหน่ายยังเรียกร้องให้ยูเอ็น รวมไปถึงองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนออกมาตรการช่วยเหลือโดยทันทันเพื่อแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน เพราะขณะนี้ชีวิตของนักโทษการเมืองพม่ากำลังอยู่ภายใต้การคุกคาม
ขณะที่สำนักข่าว Myammar Now รายงานข่าวว่า นักโทษการเมืองหญิงคนหนึ่งชื่อ “เชอรี่ โบกี่หน่าย” วัย 24 ปี ซึ่งถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำอินเส่ง เขตย่างกุ้ง ต้องสูญเสียลูกชายวัยทารกที่เพิ่งคลอดได้ไม่นาน หลังเจ้าหน้าที่เรือนจำนำตัวเธอส่งโรงพยาบาลช้า โดยทารกเสียชีวิตจากภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด เพื่อนของนักโทษการเมืองรายนี้กล่าวว่า เด็กทารกคงไม่เสียชีวิตหากเจ้าหน้าที่เรือนจำเอาใจใส่ให้การช่วยเหลือรักษาพยาบาลทันท่วงที โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่เพิ่งได้รับการออกมาเปิดเผยเมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้นางเชอรี่ โบกี่หน่าย ถูกพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 3 ปี และเธอตั้งครรภ์ก่อนที่จะถูกจับพร้อมกับสามีเมื่อเดือนกันยายนของปีที่แล้ว ขณะที่สามีคือ นายอ่องตี่ ฮะเฮง วัย 23 ปี ถูกพิพากษาประหารชีวิตในข้อหาก่อการร้าย โดยในคุกอินเส่งนั้น มีเด็กทารกที่เป็นลูกของนักโทษการเมืองหญิงคลอดระหว่างที่ถูกคุมขังอยู่จำนวน 4 ราย ทั้งหมดอายุต่ำกว่า 6 เดือน
สมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองพม่าเผยว่า มีนักโทษการเมืองขณะนี้ถูกคุมขังอยู่จำนวน 11,100 ราย เป็นผู้หญิงจำนวน 2,191 คน และยังไม่รู้ว่า นักโทษการเมืองหญิงที่ตั้งครรภ์นั้นมีจำนวนเท่าไหร่