เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2565 กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานีออกแถลงการณ์ย้ำการคัดค้านการทำเหมืองแร่โปแตซในหลายจังหวัดภาคอีสาน โดยระบุว่า ในวันที่ชาวอุดรธานี กำลังเร่งทำการเพาะปลูกอยู่ในเรือกสวนไร่นา ท่ามกลางฝนฟ้าที่ไม่แน่นอน ราคาข้าวตกต่ำ ค่าแรงราคาถูก ราคาน้ำมันขึ้นทุกวัน ค่าครองชีพสูงขึ้น แต่รัฐบาลนำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้นั่งประชุมกันอยู่ในห้องแอร์เย็นฉ่ำ ทำเนียบรัฐบาล แล้วมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2565 ออกมาเอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งเข้ามาทำเหมืองแร่โปแตช
แถลงการณ์ระบุว่า ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี ชาวบ้านในนาม “กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี” ได้ต่อสู้คัดค้านการทำเหมืองแร่โปแตช ซึ่งเป็นเหมืองใต้ดิน ในจังหวัดอุดรธานี และทั่วแผ่นดินอีสาน โดยมีงานวิจัยทางวิชาการสนับสนุน เหตุผลทางเลือกของการพัฒนา ตลอดจนข้อเสนอเชิงนโยบายในการจัดการทรัพยากรแร่ เรียกร้องตั้งแต่ระดับนายก อบต. ไปจนถึงนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ ยังได้ทำการคัดค้านในทุกขั้นตอนของการขอประทานบัตรทำเหมือง ที่ไม่ถูกต้องและไม่ชอบด้วยกฎหมาย รวมทั้งยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง ซึ่งศาลก็มีคำพิพากษาให้หน่วยงานรัฐดำเนินการใหม่ ตั้งแต่ขั้นตอนแรกตามกฎหมายเพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 หรือแม้แต่ อบต.ในพื้นที่ ได้มีมติที่ไม่เห็นชอบกับเหมืองไปแล้วก็ตาม รัฐบาลกลับลุแก่อำนาจ ไม่ฟังเสียงของประชาชน อ้างเหตุผลว่าปุ๋ยแพง ต้องขุดแร่ขึ้นมาขาย
แถลงการณ์ระบุว่า ปัจจุบันรัฐบาลให้อนุญาตประทานบัตรทำเหมืองแร่โปแตช ไปแล้ว 2 พื้นที่ ได้แก่ 1. ที่อำเภอบำเหน็จณรงค์ จังหวัดชัยภูมิ เนื้อที่ประมาณ 9,700 ไร่ 2.ที่อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา เนื้อที่ 9,000 ไร่ อยากถามว่าวันนี้ได้ใช้ปุ๋ยถูกแล้วหรือยัง โดยเฉพาะที่อำเภอด่านขุนทด ได้รับอนุญาตให้ทำเหมืองเมื่อปี 2559 ถึงตอนนี้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส ซึ่งเป็นผลกระทบจากความเค็มของเกลือที่ปนเปื้อนสู่พื้นที่การเกษตร โดยต้นไม้ใหญ่ยืนต้นตาย บ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างถูกกัดกร่อน ผุพัง ปัญหาเหล่านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) เคยลงไปดูแล และแก้ไขปัญหาหรือไม่
“โครงการเหมืองแร่โปแตช จังหวัดอุดรธานี มีแผนจะทำเหมือง บนเนื้อที่กว่า 26,400 ไร่ กำลังการผลิต 2 ล้านตันต่อปี อายุประทานบัตร 25 ปี ซึ่งพวกเราไม่เชื่อว่านายทุนจะมีจรรยาบรรณหรือธรรมาภิบาลในการดูแลแก้ไขปัญหาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมให้กับชุมชนของเรา แต่เราเชื่อว่าหากถึงวันนั้นลูกหลานชาวอุดรธานี จะขุดเอากระดูกของรัฐบาลชุดนี้ขึ้นมาสาปแช่งอย่างแน่นอน พวกเรากลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี ต่อสู้และเรียกร้องในทุก ๆ ประเด็น ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา วันนี้ เราจะต่อสู้ด้วยวิถีทางของเรา เพื่อไม่ให้มันผู้ใดเข้ามาทำลายทรัพยากรบ้านเรา และเราจะปกป้องผืนดินอันอุดมสมบูรณ์นี้แก่ลูกหลานสืบไป…มึงสร้างกูเผา!!”แถลงการณ์ระบุ
