
สำนักข่าว Irrawaddy และสำนักข่าว Tai freedom รายงานเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2565 ว่า กองทัพพม่าปะทะหนักกับกองทัพเอกราชคะฉิ่น หรือ KIA ที่เมืองผากั้น รัฐคะฉิ่น โดยกองทัพพม่าได้โจมตีทางอากาศ เหตุปะทะกันระหว่างทั้งสองฝ่ายเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ที่หมู่บ้านแจ่ซิน และกำลังจะขยายไปยังหมู่บ้านฮ่องป๋า ในเมืองผากั้น โดยมีทหารพม่าเสียชีวิตจากเหตุปะทะครั้งนี้มากกว่า 20 นาย
ก่อนหน้านี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้ปะทะกันในเมืองไหว่หม่อ รัฐคะฉิ่นด้วยเช่นเดียวกัน สืบเนื่องมาจากกองพลที่ 5 ของกองทัพคะฉิ่น KIA ได้โจมตีฐานที่มั่นของกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ลีซู (Lisu) ภายใต้ชื่อพรรคพัฒนาแห่งชาติลีซู (The Lisu National Development Party -LNDP) ในเมืองไหว่หม่อและเมืองสะโดน ชาวลีซูนั้น เป็นหนึ่งในชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในรัฐคะฉิ่น โดยทางคะฉิ่น KIA กล่าวหาว่า กองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ลีซูร่วมมือกับกองทัพพม่า หลังเกิดเหตุการณ์นี้ ทหารพม่าจากกองพันทหารราบเบา 58 ซึ่งประจำอยู่ทางภาคตะวันออกของเมืองไหว่หม่อได้เพิ่มกำลังทหารและลาดตระเวนในพื้นที่มากขึ้น และเกิดเหตุปะทะกัน
นักวิเคราะห์การเมืองมองว่า KIA โจมตีฐานที่มั่นของกลุ่มติดอาวุธลีซู เพราะต้องการขยายเขตพื้นที่ควบคุม โดยเฉพาะถนนที่เชื่อมสู่เมืองสะโดนและเมืองไหว่หม่อ
ขณะที่สำนักข่าว SHAN รายงานว่า กองทัพเอกราชคะฉิ่น KIA และกองทัพเพื่อประชาชน PDF ได้สั่งให้ชาวบ้านที่หมู่บ้านทรายแหลง หมู่บ้านจ้างก่าง และหมู่บ้านหมากโม่งหวาน ในเมืองมีด ห้ามทำนาในช่วงนี้ โดยเฉพาะการใช้รถไถนา เพราะทางกลุ่มกลัวว่าเสียงเครื่องยนต์รถไถนาของชาวบ้านจะทำให้ไม่ได้ยินเสียงเครื่องบินรบของกองทัพพม่า เรื่องนี้กำลังสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านในพื้นที่ เพราะเป็นฤดูทำนา
ทั้งนี้กำลังพลของกองทัพพม่าได้ประจำอยู่ไว้ในหมู่บ้านจ้างก่าง และทหารคะฉิ่น KIA และทหาร PDF ได้ล้อมหมู่บ้านแห่งนี้ไว้ ขณะที่กองทัพพม่าได้เสริมกำลังพลเข้ามาที่หมู่บ้านทรายแหลง และทางการพม่าได้เพิ่มมาตรการตรวจเข้มประชาชนในพื้นที่ ทำให้ประชาชนเดินทางลำบากและไม่กล้าออกจากบ้าน เพราะรู้สึกไม่ปลอดภัยจากมาตรการดังกล่าวและหวั่นจะเกิดสงคราม
สำนักข่าว SHAN รายงานด้วยว่า ทางกองทัพพม่าได้ยิงปืนใหญ่ใส่เมืองปาย ในจังหวัดตองจี ระหว่างสู้รบกับ PDF ในพื้นที่ กระสุนปืนได้ตกใส่หลังคาบ้านหลังนี้ ทำให้เกิดไฟลุกไหม้ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ และกระสุนปืนยังตกใส่วัดแห่งหนึ่ง ทำให้หลังคาได้รับความเสียหาย ขณะที่ทีมกู้ภัยในพื้นที่เตือนชาวบ้านไม่ควรออกจากบ้านหากไม่มีธุระจำเป็น