Search

ประชาชนพม่าฮือแค้น รัฐบาลทหารสั่งประหารนักเคลื่อนไหว

ภาพจาก The Irrawaddy

วันนี้ 25 กรกฎาคม 2565 หลังทางการพม่าได้ออกมาประกาศว่า เรือนจำอินเส่งในกรุงย่างกุ้ง ได้ประหารชีวิตนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยจำนวน 4 คน ในจำนวนนี้สองคนคือนายโก่จิมมี่ วัย 52 ปี และนายเพียว เซยะ ตอว์ วัย 41 ปี สร้างกระแสความโกรธแค้นและเศร้าสลดทั่วพม่า อย่างไรก็ตาม ประชาชนระบุว่าการปฏิวัติในพม่าจะต้องดำเนินต่อไป ประชาชนเป็นจำนวนมากยกย่อง ทั้งสองคนรวมถึงนักเคลื่อนไหวที่สละชีวิตเพื่อให้เกิดประชาธิปไตยในพม่าคือวีรบุรุษ

สำนักข่าว Myanmar Now รายงานว่า ทางเรือนจำได้เชิญครอบครัวของนักโทษการเมืองทั้ง 2 คนมาที่เรือนจำ โดยให้ครอบครัวคุยกับนายโก่จิมมี่และนายเพียว เซยะ ตอว์ ผ่าน Zoom แต่ไม่ให้เจอกันเมื่อวันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา ก่อนที่จะแจ้งในเวลาต่อมาว่า ทั้งสองคนถูกประหารชีวิตแล้ว เมื่อทวงถามร่างของผู้เสียชีวิต ทางเรือนจำอ้างว่า ไม่มีกฎหมายระบุว่า ทางเรือนจำจะต้องคืนร่างผู้ที่ถูกประหารคืนให้ญาติ

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนที่แล้ว ทางการพม่าออกมาประกาศว่า เตรียมที่จะประหารนักเคลื่อนไหวจำนวน 4 คน ที่ถูกกล่าวหาว่าทำผิดกฎหมายในข้อหาก่อการร้าย โดยนายโก่จิมมี่และนายเพียว เซยะ ตอว์ รวมอยู่ด้วย เรื่องนี้เคยถูกองค์ท้องถิ่นและองค์กรระหว่างประเทศออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก แต่อย่างไรก็ตาม ทางกองทัพพม่าไม่ได้ให้ความสำคัญ ล่าสุดสั่งประหารนักโทษทั้ง 4 คนแล้ว ชายอีก 2 คน ที่ถูกประหารพร้อมกับสองนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยคือนายลาเมียวอ่อง และนายอ่องทุระ ซอ ทั้งสองคนถูกตั้งข้อหาก่อการร้ายเช่นเดียวกัน และถูกกล่าวหาว่าฆ่าสายข่าวของกองทัพพม่า

มีรายงานว่า ยังมีนักโทษที่รอการประหารชีวิตอีก 114 คน  ซึ่งคนเหล่านี้ถูกจับและถูกตัดสินความผิดนับตั้งแต่กองทัพพม่าขึ้นมายึดอำนาจ และในจำนวนนี้พบว่ามีเยาวชนและนักศึกษารวมอยู่ด้วย

นายโก่จิมมี่นั้น เป็นหนึ่งในแกนนำนักศึกษาในปี 1988 ที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลเผด็จการทหารพม่าชุดก่อนๆ จนทำให้ครึ่งชีวิตของเขาต้องอยู่ในคุกในฐานะนักโทษการเมือง รวมทั้งสิ้น 21 ปี ถูกจับขังคุกถึง 2 ครั้ง ระหว่างปี 2531 – 2548 และอีกครั้งระหว่างปี 2550 – 2555 ขณะที่ภรรยาของนายโก่จิ่มมี คือ นางนีหล่า เต่ง ซึ่งก็เป็นนักศึกษาปี 1988 และขณะนี้ก็กำลังหลบหนีเพราะออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านกองทัพพม่า ได้โพสต์ในเฟสบุ้คส่วนตัวว่า เธอจะไม่ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้สามีจนกว่าจะเห็นร่างของสามี และการต่อสู้ปฏิวัติจะต้องดำเนินต่อไป ทั้งสองคนมีบุตรสาวด้วยกันอายุเพียง 15 ปี

ขณะที่มารดาของนายเพียว เซยะ ตอว์ ได้ติดต่อทางเรือนจำอินเส่งเพื่อขอรับร่างของลูกชายแต่ก็ได้รับการปฏิเสธเช่นเดียวกัน นายเพียว เซยะ ตอว์ นั้นเป็นผู้บุกเบิกวงการเพลงฮิปฮอปในพม่า โดยก่อตั้งวงชื่อ “Acid” ในปี 2543 เขาถูกจำคุกครั้งแรกในปี 2551 หลังจากก่อตั้งกลุ่มเยาวชนใต้ดินชื่อ Generation Wave เป็นที่รู้จักจากการใช้วิธีกองโจรเพื่อแจกจ่ายสื่อที่ต่อต้านรัฐบาลทหารในขณะนั้น

นายเพียว เซยะ ตอว์ ผันตัวมาเล่นการเมืองในฐานะสมาชิกสภานิติบัญญัติของพรรคเอ็นแอลดีของนางอองซาน ซูจี ตั้งแต่ปี 2555 ถึงปี 2563 โดยเขายังเป็นที่รู้จักในฐานะสมาชิกสภานิติบัญญัติที่ขยันขันแข็งและกระตือรือล้นเรียนรู้ประเด็นต่างๆ อย่างลึกซึ้งอยู่เสมอๆ เขาไม่ได้กลับไปลงเล่นการเมืองในการเลือกตั้งใหญ่ปี 2020 เนื่องจากต้องการกลับไปเล่นดนตรี อย่างไรก็ตาม หลังกองทัพพม่ารัฐประหารและยึดอำนาจ นายเพียว เซยะ ตอว์ ได้เข้าร่วมการต่อต้านทหารพม่าทันที หลังกองทัพพม่าปราบปรามกลุ่มต่อต้าน เขาได้หลบหนีและเข้าร่วมกับกลุ่มต่อต้านติดอาวุธในย่างกุ้ง ก่อนที่จะถูกจับกุมในช่วงปลายปีที่แล้ว

ขณะที่ชาวพม่าร่วมกันไว้อาลัย และต่างแสดงความโกรธแค้นและรู้สึกเศร้าต่อเหตุการณ์สูญเสียสองนักดคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยในพม่า ชาวโซเชียลพม่ายังได้เปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นสีดำและสีแดง เพื่อไว้อาลัยให้กับนายเพียว เซยะ ตอว์ และนายโก่จิ่มมี่

ชาวพม่ารายหนึ่งให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวชายขอบว่า การปฏิวัติต่อสู้จะต้องดำเนินต่อไป และกองทัพพม่าจะต้องถูกถอนรากถอนโคนจากการเมืองพม่าเท่านั้น และเขาจะร่วมต่อสู้ทุกทางเพื่อให้การปฏิวัติการเมืองในพม่าสำเร็จ และทวงคืนความยุติธรรมให้กับคนที่สละชีวิตเพื่อประชาธิปไตยในพม่า

“เขาใช้วิธีการนี้เพราะต้องการข่มขู่คนที่ต่อต้าน แต่เขายิ่งทำเช่นนี้ ประาชนยิ่งลุกฮือ”