เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2557 ที่ฐานบัญชาการกองพลที่ 5 บ้านเดปุนุ เมืองมือตรอ รัฐกะเหรี่ยงสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง(Karen National Union-KNU) ได้จัดงานพิธีสวนสนามเพื่อรำลึกครบครอบ 65 ปีวันปฎิวัติกะเหรี่ยงขึ้น โดยมีผู้นำสำคัญและผู้อาวุโสของสหภาพ และกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง(Karen National Liberation Army-KNLA)เข้าร่วมอย่างคับคั่ง อาทิ นางซิปโปร่า เส่ง รองประธานสหภาพฯ พล.อ.บอจ่อ แฮ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ทั้งนี้มีประชาชนกะเหรี่ยงทั้งจากพื้นที่ต่างๆทั้งจากฝั่งไทยและฝั่งพม่าเดินทางมาร่วมงานนับหมื่นคน ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักตลอดช่วง 3 วันที่ผ่านมา ซึ่งมีดนตรีและการแสดงต่างๆมากมาย
ทั้งนี้พิธีสวนสนามเริ่มต้นเมื่อวเวลา 07.30 น. โดยผู้แทนเคเอ็นยูในพื้นที่กองพล 5 ได้กล่าวรายงานว่าการจัดงานครั้งนี้ถือว่าเป็นการให้กำลังใจทหารและประชาชนที่ยังต่อสู้กับผู้รุกราน โดยในวันที่ 31 มกราคมเป็นวันประวัติศาสตร์ที่ชาวกะเหรี่ยงได้ลุกขึ้นสู้กับผู้รุกราน แม้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจะประสบความลำบากและอุปสรรคมากมาย ประชาชนต้องอยู่กันอย่างกระจัดกระจาย แต่การต่อสู้ก็เพื่ออนาคตในวันข้างหน้าเพื่อกอบกู้แผ่นดิน
“ทุกคนลุกขึ้นมาต่อสู้ด้วยความจริงใจ แต่ตอนนี้เรายังไม่มีเสรีภาพที่แท้จริงจึงยังต้องต่อสู้ต่อไปเพื่อความผาสุขของแผ่นดิน ทุกคนต้องช่วยกัน ร่วมือกัน เพราะภารกิจนี้ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง การจะยุติสงครามได้ ไม่ใช่เรื่องของเราที่จะตอบ แต่ต้องไปถามผู้ที่มารุกรานเรา” ผู้แทนเคเอ็นยู กล่าว
นางซิปโปร่า เส่ง รองประธานสหภาพฯกล่าวปราศัยว่า กะเหรี่ยงทุกหมู่เหล่ายังต้องลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องเสรีภาพของตัวเอง แม้ตลอดระยะเวลา 65 ปีที่ต่อสู้มาจะผ่านความยากลำบากมากมาย แต่ทุกคนไม่ต้องการให้ใครมาข่มเหง แม้พม่าพยายามพูดเรื่องสันติภาพและการเจรจรา แต่จริงๆแล้วกลับไม่ไปถึงไหน เขาพยายามบอกกับชาวโลกว่ามีสันติภาพแล้ว แต่ความเป็นจริงแล้วกลับไม่ใช่ ซึ่งการจัดงานในวันนี้ช่วยตอกย้ำว่ายังไม่ได้เป็นดังที่พม่ากล่าวอ้าง เป้าหมายของเราคือความสุขของประชาชนซึ่งการได้มาต้องใช้เวลานานดังนั้นทุกคนต้องอดทน และประชาชนต้องไม่ตายใจว่าเกิดสันติภาพแล้ว ทุกคนต้องร่วมกันสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง
หลังจากนั้นพล.อ.บอจ่อ แฮ ได้เดินตรวจแถวสวนสนาม และในช่วงท้ายของพิธีกลุ่มเยาวชนสตรีกะเหรี่ยงได้มอบดอกไม้ให้กับเหล่าทหาร ขณะเดียวกันภายหลังเสร็จสิ้นพิธี ประชาชนกะเหรี่ยงได้ขอถ่ายภาพร่วมกับทหารกันอย่างคึกครื้น
พล.อ.บอจ่อ แฮ ให้สัมภาษณ์การการจัดงานครั้งนี้ซึ่งถือว่าใหญ่กว่าทุกๆปีว่า จริงแล้วการจัดงานวันรำลึกวีรชนได้จัดขึ้นที่ฐานที่มั่นของกองพล 5 ทุกๆปี โดยเป็นการจัดงาน 3 งานภายในครั้งเดียวกันคืองานรำลึกวีรชน งานวันชาติและงานปีใหม่ เพียงแต่ปีนี้ได้เชิญพี่น้องกะเหรี่ยงจากฝั่งไทยและเมืองต่างๆในพม่า รวมทั้งกะเหรี่ยงที่อยู่ต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย อเมริกา สิงคโปร์ มาร่วมด้วยจึงทำให้ดูเหมือนเป็นงานใหญ่ แต่จุดประสงค์ที่สำคัญคือต้องการให้ชาวกะเหรี่ยงได้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
พล.อ.บอจ่อแฮ กล่าวถึงความคืบหน้าในการเจรจาสันติภาพกับรัฐบาลพม่าว่า ยังไม่มีความคืบหน้าเนื่องจากได้กำหนดให้มีการระบุในรายละเอียดว่าพื้นที่ใดให้ทหารพม่าอยู่ได้ พื้นที่ใดควรถอนกำลังออก โดยเฉพาะพื้นที่ในรัฐกะเหรี่ยงตามริมแม่น้ำสาละวิน ไม่มีความจำเป็นที่รัฐบาลพม่าต้องส่งทหารมาประจำ เพราะทหารกะเหรี่ยงสามารถดูแลเองได้ แต่รัฐบาลพม่าไม่ยอมแถมยังส่งทหารและปืนใหญ่เข้ามาประจำการตามจุดต่างๆเพิ่มขึ้นอีก 10 จุด ดั้งนั้นจึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าไว้วางใจ และทหารกะเหรี่ยงจำเป็นต้องต่อสู้เพื่อปกป้องการรุกรานให้ถึงที่สุด
“รัฐบาลพม่าบอกโลกภายนอกว่ามีสันติภาพแล้ว และขอทำสัญญาหยุดยิงกับกองกำลังต่างๆ แต่กลับไม่เคยทำรายละเอียดเหมือนที่คุยกันไว้ แถมยังส่งทหารเข้าไปพื้นที่ต่างๆมากมายซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมากสำหรับกลุ่มชาติพันธุ์” พล.อ.บอจ่อ แฮ กล่าว และว่าเป้าหมายที่วางไว้คือการให้คนกะเหรี่ยงมีสิทธิเสรีภาพในพื้นที่ของตัวเอง มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการปกครองในรูปสหพันธรัฐหรืออะไรก็ตาม