
สำนักข่าว Myanmar Now รายงานเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2565 ที่ผ่านมาว่า ได้เกิดเหตุปะทะดุเดือดระหว่างกองทัพพม่าและกองทัพเอกราชคะฉิ่น (Kachin Independence Army- KIA) โดยยังคงดำเนินไปในหลายพื้นที่ของเมืองโมหมอก รัฐคะฉิ่น หรือเมืองหมอกในภาษาไทใหญ่ โดยกองทัพพม่าเสริมกำลังเข้ามาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ประชาชนหลายร้อยคนในพื้นที่เริ่มอพยพออกจากพื้นที่
ขณะที่สื่อไทใหญ่รายงานว่า มีชาวไทใหญ่ที่อาศัยอยู่ในรัฐคะฉิ่น 5 หมู่บ้านได้รับผลกระทบจากเหตุสงครามครั้งนี้แล้ว โดยโฆษกของ KIA เปิดเผยว่า กองทัพพม่าเริ่มโจมตีคะฉิ่นตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังทิ้งระเบิดบนหุบเขา “โลนจา” อยู่ห่างจากเมืองโมหมอกไปทางทิศตะวันออกราว 1.6 กิโลเมตร และเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2022 ที่ผ่านมา ยังทิ้งระเบิดใส่ตัวเมืองโมหมอก ทำให้มีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เช่นเดียวกันเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทัพพม่าได้ยิงปืนเข้ามาใกล้ๆ กับโบสถ์ในหมู่บ้านวาวุน
ทั้งนี้อาสาสมัครที่เข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านระบุว่า ขณะนี้ในพื้นที่ไม่ปลอดภัยสำหรับอยู่อาศัยแล้ว
ด้านสำนักข่าว SHAN รายงานว่า มี 5 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านโลนจา บ้านหนองเปา บ้านป๋างต่าจ้า บ้านป๋างหินและบ้านปุ่งใต้ เป็นหมู่บ้านที่มีชาวไทใหญ่อาศัยอยู่ หลังเหตุสู้รบกันชาวบ้านตามหมู่บ้านเหล่านี้ต้องอพยพหนีไปอยู่ตามวัด
สื่อไทใหญ่รายงานว่า ชาวบ้านบางส่วนได้พยายามกลับไปยังหมู่บ้านของตนเพื่อไปเอาอาหาร แต่ระหว่างทางกองทัพพม่าได้โจมตีในหมู่บ้านของพวกเขา จึงต้องเดินทางกลับมายังศูนย์อพยพตัวเปล่า
ชายหนุ่มรายหนึ่งจากพื้นที่ให้สัมภาษณ์ว่า กองทัพพม่าได้กราดยิงปืนจากฐานทัพในพื้นที่ โดยไม่คำนึงถึงว่าชาวบ้านจะได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืนที่ยิงออกมาหรือไม่ และชาวบ้านที่หนีสงครามกำลังได้รับความเดือดร้อนเรื่องอาหาร และน้ำดื่มน้ำใช้
เขากล่าวด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่มีผู้บริจาคเข้าไปช่วยเหลือ ผู้ลี้ภัยสงครามบางคนต้องไปขออาหารตามบ้านเรือนในตัวเมืองโมหมอก ซึ่งเผชิญกับความยากลำบากมาก
ด้านรัฐบาล NUG เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ปีที่แล้ว กองทัพพม่าได้ใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศมากถึง 240 ครั้ง โดยเป้าหมายก็คือพลเรือน
ขณะที่สำนักข่าว Irrawaddy รายงานว่า การโจมตีทางอากาศในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 100 คน ได้รับบาดเจ็บอีกราว 130 คน และบ้านเรือนของชาวบ้านได้รับความเสียหายหลายหลัง
เจ้าหน้าที่ทหารที่เกษียณอายุรายหนึ่งเปิดเผยว่า คนมักเข้าใจว่าทหารอากาศพม่าน่าจะมีการศึกษาและอารยะธรรมมากว่ากองกำลังภาคพื้นดิน เนื่องจากทหารอากาศต้องรับมือกับเทคโนโลยีที่ซับซ้อน แต่การสังหารหมู่ที่โรงเรียน ค่ายผู้พลัดถิ่น และงานคอนเสิร์ตเมื่อเร็วๆ นี้กลับขัดแย้งกับแนวคิดนี้
นายทหารเกษียณระบุว่า วุฒิการศึกษาไม่เกี่ยวข้องกับการสังหารหมู่ สรุปก็คือเพราะพวกเขา(ทหารอากาศ)ถูกล้างสมอง