Search

เดินหน้าเขื่อนหลวงพระบาง อพยพชาวบ้าน-หวั่นที่ทำกินไม่พอ

สำนักข่าววิทยุเอเชียเสรี รายงานว่า รัฐบาลลาวได้ทำการอพยพชาวบ้านห้วยย้อ เมืองจอมเพ็ด แขวงหลวงพระบาง จำนวน 74 ครอบครัว ประชากร 316 คน ที่ได้รับผลกระทบจากพื้นที่หัวงานโครงการเขื่อนหลวงพระบาง ได้อพยพออกจากหมู่บ้านเดิมทั้งหมดไปยังแปลงอพยพ และได้รับเงินค่าชดเชย

ชาวบ้านห้วยย้อ รายหนึ่งกล่าวว่า รู้สึกตกใจที่จะต้องโยกย้ายออกจากบ้านเก่าที่เคยอยู่อาศัยมานานกว่า 40-50 ปี  และต้องมาอยู่บ้านแปลงอพยพใหม่ ยังปรับตัวไม่ค่อยได้ บ้านหลังใหม่ในแปลงอพยพก็ต้องต่อเติมเนื่องจากพื้นที่ค่อนข้างแคบ   การโยกย้ายชาวบ้านออกจากบ้านเดิมนั้น เริ่มต้นเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน และเสร็จสิ้น 7 พฤศจิกายน 2022 ที่ผ่านมา โดยในแปลงอพยพมีการทำระบบน้ำประปา ไฟฟ้า โรงเรียน วัด ศาลาประชาคมหมูบ้าน ตลาดสด โดยโครงการเขื่อนหลวงพระบาง ได้ก่อสร้างให้ทั้งหมด  ส่วนการต่อเติมบ้านนั้นจะเป็นครัว ทำรั้วกัน แบ่งสัดส่วนบ้านแต่ละหลัง ทำที่เลี้ยงสัตว์ ปลูกผักสวนครัว และเจ้าของบ้านต้องใช้เงินส่วนตัวในการต่อเติมบ้าน

ชาวบ้านอีกรายหนึ่งกล่าวว่า ได้ย้ายมาอยู่บ้านแปลงอพยพใหม่ 3 คืนแล้ว แต่ยังนอนไม่หลับ คิดถึงบ้านเก่า คิดถึงบรรยากาศทั้งไร่ ที่นา และยังไม่คุ้นเคยกับสภาพในการใช้ชีวิตใหม่ และยังไม่รู้ว่าจะทำงานอะไร เนื่องจากที่ทำการเกษตรได้สูญเสียเป็นพื้นที่โครงการเขื่อนหลวงพระบางทั้งหมดแล้ว การออกไปหาปลาในแม่น้ำโขงก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากทางเขื่อนได้ห้ามชาวบ้านกลับเข้าไปในพื้นที่เขตบ้านเก่าและในระยะ 3 กิโลเมตรเหนือเขื่อนและท้ายเขื่อนของโครงการเขื่อนหลวงพระบาง

ภาพจาก https://www.rfa.org/

ด้านชาวบ้านอีกรายที่ไม่ประสงค์จะออกนาม กล่าวว่า โครงสร้างพื้นฐานในบ้านแปลงอพยพใหม่ ก็มีความสะดวกสบายขึ้นกว่าเก่า ไม่ได้ลำบาก ทางโครงการก็ช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างดี หากชาวบ้านขอความช่วยเหลือ แต่สิ่งที่ชาวบ้านเป็นกังวลที่สุดในปัจจุบันคือ ที่ดินทำการเกษตร เนื่องจากที่ดินทำการเกษตรของชาวบ้านส่วนใหญ่สูญเสียให้กับโครงการเขื่อนหลวงพระบางไปจนหมด ส่วนที่ดินที่ยังเหลือก็มีจำนวนน้อย ไม่เพียงพอที่จะทำไร่ ทำนา เลี้ยงสัตว์ และยังอยู่ไกลจากเขตบ้านแปลงอพยพใหม่ 10 กิโลเมตรหากชาวบ้านไม่ได้ทำไร่ทำนาที่เพียงพอเหมือนอยู่บ้านเดิม อนาคตของชาวบ้านก็ต้องซื้อข้าวกินไปตลอด หากเงินชดเชยที่ได้รับมานั้นใช้หมดไปแล้ว ชาวบ้านจะใช้ชีวิตอย่างไร ก็ยังเป็นเรื่องที่ชาวบ้านกังวลมาก

เจ้าหน้าที่แขวงหลวงพระบาง ผู้รับผิดชอบกล่าวว่า ปัจจุบัน ชาวบ้านห้วยย้อ เป็นหมู่บ้านแรกที่ถูกโยกย้าย ออกจากบ้านเก่าและได้รับเงินชดเชยจากการสูญเสียที่ดินให้โครงการไปแล้วจำนวน 30 ล้านกีบ ต่อเฮกตาร์  ซึ่งแต่ละครอบครัวก็จะได้รับเงินชดเชยที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับมูลค่าทรัพย์สินที่สูญเสียให้กับโครงการ

ส่วนบ้านหลังเก่าของชาวบ้านแต่ละครอบครัว ก็ได้รื้อถอนออกไปหมดแล้ว และในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2022 นี้ ทางโครงการเขื่อนหลวงพระบางก็จะทำเขตรั้วกั้น เพื่อกำหนดขอบเขตโครงการและห้ามชาวบ้านเข้าไปในพื้นที่บ้านเก่าอย่างถาวร  ส่วนความคืบหน้า โครงการก่อสร้าง เขื่อนหลวงพระบางนั้น ปัจจุบันยังไม่ได้ทันเริ่มดำเนินการก่อสร้างอย่างเป็นทางการ เนื่องจากยังไม่ได้มีการเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า(Power Purchase Agreement(PPA) แต่ขณะนี้ทางโครงการได้เอาแผนพัฒนาของเขื่อนไซยะบุรีมาเป็นแบบอย่าง ในการชดเชยเงินให้กับชาวบ้าน แผนการจัดสรรและโยกย้าย แผนการก่อสร้างและอื่น ๆ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม

เจ้าหน้าที่ของรัฐคนดังกล่าวยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้พัฒนาโครงการจะให้การช่วยเหลือชาวบ้านห้วยย้อที่ถูกอพยพโยกย้ายเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยสนับสนุนเครื่องอุปโภค-บริโภค การจัดสรรอาชีพให้กับชาวบ้านแต่ละครอบครัว โดยในระหว่างนั้น ทางการลาวจะหาเนื้อที่ทำการเกษตรแห่งใหม่และจัดสรรให้ชาวบ้านด้วย แต่ปัจจุบันยังไม่ได้บุกเบิกและจัดสรร

โครงการเขื่อนหลวงพระบาง ได้ดำเนินการเตรียมงานในพื้นที่โดยมีการก่อสร้างถนนเข้าออกจากบ้านหาดยาว ไปสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ ท่าเรือชั่วคราว จุดบ้านโคกแสงสุริยา บ้านม่วงแก้ว บ้านกิ่นโฮง การก่อสร้างระบบสายส่งไฟฟ้าและสถานีไฟฟ้าย่อย การติดตั้งระบบไฟฟ้า น้ำประปาและแคมป์คนงานก่อสร้าง

โดยในรายงานประเมินผลกระทบทางสังคมของโครงการเขื่อนหลวงพระบาง จะมีชาวบ้านจำนวน 23 หมู่บ้าน ได้รับผลกระทบกระทบคือ เมืองจอมเพ็ด เมืองปากอู แขวงหลวงพระบาง เมืองหงสา แขวงไซยะบุรี และเมืองงา แขวงอุดมไซย ซึ่งจะมีชาวบ้านที่ต้องอพยพโยกย้ายทั้งหมู่บ้านจำนวน 6 หมู่บ้านคือ 581 ครอบครัว จำนวน 2,285 คน  กลุ่มที่ 2 ได้รับผลกระทบบางส่วน  กลุ่มที่ได้รับผลกระทบบางส่วนคือ บางครอบครัวต้องถูกโยกย้าย จำนวน 9 หมู่บ้าน 692 ครอบครัว จำนวน 3855 คน กลุ่มที่ 3 คือ สูญเสียที่ดิน แต่ไม่ต้องอพยพโยกย้ายจำนวน 8  หมู่บ้าน 671 ครอบครัว รวม 2330 คน กลุ่มที่ 4 บ้านท้ายเขื่อนที่อาจจะได้รับผลกระทบจากโครงการ แต่ไม่ถูกโยกย้าย จำนวน 3 บ้าน 189 ครอบครัว 904 คน

โครงการเขื่อนหลวงพระบาง ตั้งอยู่ที่บริเวณบ้านห้วยย้อ เมืองจอมเพ็ดเหนือปากน้ำอู ขึ้นไปเพียง 2 กิโลเมตร และอยู่เหนือเมืองหลวงพระบาง เมืองมรดกโลก 25 กิโลเมตร ผู้พัฒนาโครงการคือบริษัทซีเคพาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) มีกำลังติดตั้งการผลิต 1460 เมกะวัตต์ เป้าหมายคือส่งขายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สัญญาซื้อขายระยะเวลา 35 ปี   ข้อกังวลสำคัญคือ เขื่อนตั้งอยู่ใกล้กับตัวเมืองมรดกโลกและผู้เชี่ยวชาญของคณะกรรมการมรดกโลกได้ขอให้รัฐบาลลาวทำรายงานการประเมินผลกระทบต่อเมืองมรดกโลกและขอให้ชะลอการดำเนินการใด ๆ ออกไป ในระหว่างการแก้ไขรายงานการประเมินผลกระทบต่อเมืองมรดกโลกที่ยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์และยังเสนอให้ย้ายจุดโครงการก่อสร้างออกไปยังพื้นที่

ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา เครือข่ายแนวร่วมการเงินที่เป็นธรรม หรือ (Fair Finance Thailand) ได้นำข้อมูลความคืบหน้าเกี่ยวกับความเห็นของคณะกรรมการมรดกโลกต่อรายงานการประเมินผลกระทบต่อเมืองมรดกโลก(Heritage Impact Assessment) ว่าข้อมูลยังไม่มีเพียงพอและครอบคลุม ไปยังธนาคารพาณิชย์ของไทยหลายแห่งที่คาดว่าจะเป็นผู้ให้เงินกู้แก่โครงการเขื่อนหลวงพระบางดังกล่าว