Search

ถูกลิดรอนสิทธิหนัก บทบาทผู้หญิงในพม่าลดลง 80 %

ภาพจาก Myanmar Now

สำนักข่าว Than Lwin Times รายงานวานนี้ (23 พ.ย.2565) ว่า นับตั้งแต่กองทัพพม่ายึดอำนาจและรัฐประหาร ส่งผลให้การมีส่วนร่วมของผู้หญิงในหลายภาคส่วนลดลง เช่น ในด้านสุขภาพ สังคม การจ้างงาน และภาคส่วนอื่นๆ

นักเคลื่อนไหวเกี่ยวกับผู้หญิงระบุว่า การมีส่วนร่วมของผู้หญิงในด้านต่างๆ ลดลงเกือบ 80% ผู้หญิงหลายคนที่ทำงานในด้านกิจกรรมทางสังคมถูกควบคุมตัวและถูกตั้งข้อหายุ่งเกี่ยวกับการเมือง

“ในสถานการณ์ที่แม้แต่สิทธิมนุษยชนยังไม่ได้รับอย่างเต็มที่ สิทธิสตรีจึงยังห่างไกล” นักกิจกรรมรายหนึ่ง กล่าว

นอกจากนี้ ภายหลังการรัฐประหารโดยกองทัพ ผู้หญิงยังมีส่วนร่วมน้อยลงในทางการเมืองและในประเด็นเกี่ยวกับสันติภาพ และโอกาสในการแสดงความเป็นผู้นำและความสามารถของผู้หญิงก็ลดลงตามไปด้วย

นักกิจกรรมผู้หญิงกล่าวว่า หลังการรัฐประหาร มีผู้หญิงเพียง 1 คน ในจำนวน 18 คน ที่ได้รับแต่งตั้งในคณะสภาทหารพม่า มีผู้หญิงคิดเป็น 5% เท่านั้น ที่เป็นสมาชิกของสภาทหารทั้งหมด

ในทางกลับกัน ผู้หญิงต้องสูญเสียสิทธิอันเป็นผลมาจากการรัฐประหารโดยกองทัพ เนื่องจากจะไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายอีกต่อไปในกรณีที่ถูกใช้ความรุนแรง การถูกกดขี่ และการล่วงละเมิดทางเพศ นักกิจกรรมมองว่า เมื่อการมีส่วนร่วมของผู้หญิงในบทบาทต่างๆลดลง ในระยะยาว ผู้หญิงอาจสูญเสียสิทธิเกือบทั้งหมด รวมถึงสิทธิในการแสดงออกอย่างเสรีภาพ ซึ่งเมื่อครั้งภายใต้การบริหารประเทศของรัฐบาล NLD  ผู้หญิงในพม่ามาถึงจุดที่สามารถมีส่วนร่วมในการเมือง สันติภาพ

อย่างไรก็ตาม แม้ภายใต้การบริหารกองทัพพม่าขณะนี้บทบาทของผู้หญิงจะลดลง แต่ในทางกลับกัน หญิงสาวเป็นจำนวนมากได้ตัดสินใจเข้าร่วมปฏิวัติจับปืนต่อสู้กับกองทัพพม่าในหลายๆพื้นที่ และผู้ที่ออกมานำประท้วงในช่วงแรกๆหลังการรัฐประหารก็คือผู้หญิง

จากข้อมูลของสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองในพม่า (AAPP) ข้อมูลล่าสุดในเดือนตุลาคม 2565 มีผู้เสียชีวิตจากน้ำมือทหารพม่า 2,366 คน ราว 11.65 % เป็นผู้หญิง นอกจากนี้ยังมีการจับกุมตามอำเภอใจ มีตัวเลขผู้ถูกจับมากกว่า 12,655 คน ซึ่งยังมีคนที่ถูกจับอีกเป็นจำนวนมากที่ไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในจำนวนนี้

จากรายงานของกลุ่ม LGBT ALLiance – Myanmar เผยเช่นเดียวกันว่า พลเรือนที่ถูกฆ่าใน 100 คน มักมีกลุ่ม LGBT รวมอยู่อยู่ด้วยทุกครั้ง

ทางด้านกลุ่มผู้หญิงที่รวมตัวกันในนาม “Women Peacebuilders” นักสร้างสันติภาพผู้หญิงในพม่า ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมาว่า สิทธิของนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนในพม่า นักสิทธิมนุษยชนผู้หญิง กลุ่มสิทธิเพื่อ LGBT กลุ่มสิทธิเพื่อผู้พิการและกลุ่มกำลังถูกลิดรอนอย่างหนักภายใต้ทหาร ครอบครัวของนักสิทธิเหล่านี้ก็กำลังเป็นเป้าหมายถูกจับกุมจากทหารพม่าด้วย และเมื่อจับกุมพลเรือนผู้บริสุทธิ์ ทหารจะใช้วิธีการทรมานและใช้ความรุนแรงหลากหลายจนถึงขั้นทำให้ผู้ที่ถูกจับเสียชีวิตในระหว่างการสอบสวน ทางกลุ่มเรียกร้องให้ประชาคมโลกเร่งดำเนินการเพื่อให้พฤติกรรมเหล่านี้ของทหารพม่ายุติลงโดยเร็ว ทั้งนี้ก็เพื่อรักษาชีวิตของพลเรือนผู้บริสุทธิ์ 

พร้อมทั้งยังได้ประณามกองทัพพม่านั้นได้ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างโหดร้าย ทั้งการฆ่าสังหาร การจับกุมตามอำเภอใจ การละเมิดทางเพศ การโจมตีตามหมู่บ้าน โดยทางกลุ่มได้เรียกร้องให้ประชาคมโลกและ UN เข้าใจและให้การสนับสนุนในการต่อสู้ของประชาชนในพม่าเพื่อยุติกองทัพเผด็จการทหารพม่า และการต่อสู้ครั้งนี้ก็เป็นไปเพื่อสร้างระบอบสหพันธรัฐประชาธิปไตย 

ในแถลงการณ์ระบุอีกว่า การจับปืนขึ้นมาต่อสู้ของประชาชนก็ไม่ได้เป็นไปเพื่อต้องการสร้างรุนแรง แต่เพื่อปกป้องตนเองจากกองทัพพม่าที่มีพฤติกรรมไม่มีความเคารพต่อชีวิตของเพื่อนมนุษย์ ดังนั้น นานาชาติและ UN ไม่ควรให้ความชอบธรรมแก่กองทัพพม่า เพราะจะยิ่งทำให้กองทัพพม่าก่ออาชญากรรมสงครามไม่รู้จบ

ในแถลงการณ์ยังระบุว่า กองทัพพม่าใช้นโยบายตัด 4 ซึ่งนโยบายนี้กำลังทำให้ผู้ลี้ภัยสงครามไม่สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม อีกทั้งเดินหน้าจับกุมบุคคลหรือองค์กรที่ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ลี้ภัยสงครามในพม่า ทางกลุ่มยังเรียกร้องให้มีการไต่สวนอย่างโปร่งใสต่อกรณีก่ออาชญากรรมสงครามของกองทัพพม่า 

นอกจากนี้ “Women Peacebuilders” ยังได้เรียกร้องให้กลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ทั้งหลายที่เข้าร่วมต่อสู้กับกองทัพพม่าให้ความสำคัญในเรื่องจรรยาบรรณทางทหาร เพื่อให้กลุ่มติดอาวุธที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่ไม่มีพฤติกรรมแบบกลุ่มก่อการร้าย โดยยังเรียกร้องให้นานาชาติ UN และอาเซียนให้การสนับสนุนและประสานไปยังประเทศเพื่อนบ้านของพม่าเพื่อให้นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน เด็กและผู้หญิงที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายสามารถเคลื่อนย้ายไปอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยได้

On Key

Related Posts