
เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2565 ที่เกาะหลีเป๊ะ อ.เมือง จ.สตูล เครือข่ายชาวเลอันดามัน ภาคีเพื่อนชาวเล พร้อมชาวเลเกาะหลีเป๊ะ ได้ร่วมกันอ่านแถลงการณ์ข้อเรียกร้องถึงรัฐบาลกรณีที่เอกชนพยายามปิดกั้นเส้นทางดั้งเดิมของชาวอูรักลาโว้ยที่ใช้สัญจรไปโรงเรียน สุสาน อนามัยและลงทะเล โดยระบุว่าจากการลงพื้นที่เพื่อรับฟังข้อเท็จจริงจากชาวเลอูรักลาโว้ยเกาะหลีเป๊ะ พบว่ามี 2 สถานการณ์ที่สำคัญคือ การสูญเสียพื้นที่สาธารณะที่ชาวเลและประชาชนทั่วไป รวมถึงนักท่องเที่ยวใช้ประโยชน์ร่วมกัน ทั้งทางเดินสาธารณะ ลำรางสาธารณะ และพื้นที่เคารพทางจิตวิญญาณ ซึ่งการสูญเสียพื้นที่สาธารณะดังกล่าวนั้นทำให้เกิดผลกระทบทั้งด้านการสัญจรของประชาชนในพื้นที่ การขนส่งสินค้า การเดินทางเข้าโรงเรียน เป็นต้น
แถลงการณ์ระบุว่า สถานการณ์ที่ 2 คือ การทับซ้อนของเอกสารสิทธิที่ดิน ซึ่งทับซ้อนทั้งบริเวณที่อยู่อาศัย พื้นที่ทำ กิน และพื้นที่เคารพทางจิตวิญญาณ และบางกรณีกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลยุติธรรม ในส่วนของกรณีปัญหาด้านที่ดิน ทางทางเครือข่ายชาวเลอันดามันได้ตรวจสอบความเป็นมาตั้งแต่ในอดีต พบว่าประเทศไทย มีการกำหนด พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน ฉบับที่ 6 พ.ศ. 2479 ที่รับรองสิทธิของผู้อยู่อาศัยและทำประโยชน์มาก่อน ให้แจ้งการครอบครอง “แต่หากไม่แจ้งก็ไม่เสียสิทธิ” นั่นแสดงว่าชาวเลที่อยู่อาศัยมาก่อนกฎหมายบังคับใช้ ย่อมมีสิทธิโดยชอบตามกฎหมาย โดยไม่แจ้งก็ไม่เสียสิทธิ์
“ชาวเลเกาะหลีเป๊ะยังมีสิทธิโดยชอบธรรม ในพื้นที่ที่อยู่อาศัยมาแต่ดั้งเดิม และถึงแม้ว่าต่อมาจะมีผู้กล่าวอ้างว่ามีเอกสารสิทธิ์ ส.ค.1 ครอบครองที่ดินจำนวน 51 ไร่ จึงยิ่งเป็น ที่น่าสงสัยว่า ส.ค.1 ฉบับดังกล่าว ได้ออกทับพื้นที่โรงเรียน และอนามัยด้วยหรือไม่ และทำไปโดยขัดแย้งกับ กฎหมายที่มีอยู่หรือไม่”แถลงการณ์ระบุ
แถลงการณ์ระบุว่า เครือข่ายชาวเลอันดามันมีข้อเสนอไปยังรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี ดังนี้ 1. ให้รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี เร่งดำเนินการแต่งตั้งและประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดิน สาธารณะและเอกสารสิทธิที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะก่อนวันที่ 15 มกราคม 2566 2. ให้รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี พิจารณาและดำเนินการให้มีสัดส่วนผู้แทนจากภาคประชาชน นักวิชาการ และองค์กรอื่นที่เกี่ยวข้องเข้าไปเป็นคณะกรรมการแก้ไขปัญหาฯ 3. ให้รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี เร่งการดำเนินงานของคณะกรรมการหรือคณะทำงานทุกคณะที่ เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินสาธารณะและเอกสารสิทธิที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะ ซึ่งได้แต่งตั้งมาก่อนหน้านี้แล้ว ให้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม พ.ศ.2566
ด้านนางสิริกัลยา มอญแก้ว และนายชยพล ฉันทวี ลูกหลานของนางดารา-นายบรรจง อังโชติพันธุ์ ผู้มีชื่อแนบท้ายในที่ดินมรดก นส.3 แปลงเลขที่ 11 แปลงที่ดินที่เป็นข้อพิพาทบนเกาะหลีเป๊ะ อ.เมือง จ.สตูล ระบุว่าวันนี้ผู้จัดการมรดกของนางดารา ซึ่งเป็นบุตรสาวของโต๊ะฆีรี ผู้บุกเบิกเกาะหลีเป๊ะ ได้นัดหมายเจ้าหน้าที่กรมที่ดินและกรมธนารักษ์ มาดำเนินการแบ่งแยกที่ดินสำหรับผู้ที่มีรายชื่อแนบท้ายอยู่หลังที่ดิน นส.3 รวม 6 ราย ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
นายชยพล เล่าว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่กรมที่ดินพยามจะเข้าไปหลังวัดในพื้นที่พิพาทที่ตั้งอยู่ด้านข้างโรงเรียนเกาะหลีเป๊ะ แต่ชาวบ้านไม่อนุญาตให้ดำเนินการรังวัด จึงได้ข้อสรุปว่าวันนี้เจ้าหน้าที่จะมารังวัดเพียงพื้นที่ของโรงเรียนบ้านเกาะหลีเป๊ะและสถานีอนามัยเท่านั้น

นางสิริกัลยา เผยว่า ที่ดินของโรงเรียนและสถานีอนามัยนั้น เป็นพื้นที่ที่นางดารา มารดาของตนเป็นผู้บริจาคให้กับกรมธนารักษ์ พื้นที่โรงเรียน 6 ไร่ และอนามัย 3 งาน อยู่ใน นส.3 เลขที่ 11 โดยหลังจากที่มารดาเสียชีวิตต้องการจัดการเรื่องมรดกให้ถูกต้อง ให้ผู้จัดการมรดกมาจัดการเรื่องการแบ่งที่ดินให้กับโรงเรียนและอนามัยรวมถึงแบ่งที่อีก 6 แปลงให้กับทายาทและบุคคลที่ซื้อที่ดินไปแล้วตามความประสงค์ของมารดา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้มีชาวบ้านส่วนหนึ่งบอกว่าที่ดินของโรงเรียนนั้นเป็นของนายมะยมบริจาคให้กับโรงเรียน ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นางสิริกัลยา ยืนยันว่า ที่ดินของโรงเรียนเป็นของนางดาราและนายบรรจง อังโชติพันธุ์ มีเอกสารยืนยันว่าทั้งสองได้มอบที่ดินผืนนี้ให้กับกรมธนารักษ์เป็นลายลักษณ์อักษร
ผู้สื่อข่าวถามถึงประเด็นพื้นที่พิพาทที่ซอยด้านข้างโรงเรียนรวมถึงการปิดประตูทางเข้าโรงเรียนว่าอยู่ในพื้นที่ที่ได้บริจาคให้กับกรมธนารักษ์หรือไม่ นายชยพล ระบุว่า ขอให้รอทางกรมที่ดินและกรมธนารักษ์มาพิสูจน์รังวัดในช่วงบ่ายวันนี้จะดีกว่า และขอไม่พูดแสดงความคิดเห็นในกรณีพื้นที่พิพาท ให้เป็นไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ความจริงต่อไป
“เราไม่อยากมาทะเลาะกัน เราอยากใช้เหตุผลและใช้กระบวนการยุติธรรมในการดำเนินการ เพราะชาวบ้านเกาะหลีเป๊ะก็เหมือนพี่น้องเรา เราคิดแบบนั้น อยากให้ผู้สื่อข่าวเปลี่ยนคำเรียกจากนายทุนเป็นชาวเล เพราะพวกเราก็เป็นชาวเลอุรักลาโว้ยเหมือนกัน ลูกหลานโต๊ะฆีรีเหมือนกัน ไม่ใช่เอาคำว่านายทุนมาใช้กับลูกหลานโต๊ะฆีรีด้วย เราก็ลูกหลานชาวเลเหมือนกัน ทำไมต้องแบ่งแยกเราด้วยคำว่านายทุน ในเมื่อเรามีบรรพบุรุษคนเดียวกัน” นายชยพล ฉันทวี กล่าว
นางสิริกัลยา กล่าวว่า ตนเกิดที่นี่ เรียนที่นี่ เป็นคนเกาะ อยู่ด้วยกันแบบฉันท์พี่น้อง ตอนนี้ตกเป็นจำเลยสังคมทั้งที่พ่อกับแม่เสียชีวิตไปแล้ว อยากให้หน่วยงานราชการดำเนินการพิสูจน์สิทธิเพราะที่ดินแปลงนี้ได้มาอย่างถูกต้อง
ด้านชาวบ้านเกาะหลีเป๊ะกล่าวว่า เหตุผลที่ยังไม่ยินยอมให้รังวัดในพื้นที่อื่นนั้น ไม่ได้เป็นการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่ดิน จ.สตูล แต่เพราะที่ดินอยู่ระหว่างการตรวจสอบ คดียังไม่สิ้นสุด ยังไม่มีคำสั่งจากศาลให้ดำเนินการรังวัดพื้นที่พิพาทเพื่อชี้เขตกรรมสิทธิ์ จึงจะขอให้เจ้าหน้าที่แสดงหมายศาลอย่างถูกต้องก่อนจึงจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป และได้ไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เกาะหลีเป๊ะ ไว้เป็นหลักฐานแล้ว