
สำนักข่าวหลายแห่งในประเทศพม่า เช่น สำนักข่าว Irrawaddy สำนักข่าว Chindwin และสำนักข่าว Myanmar Now รายงานว่า เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2566 ทางการพม่าได้ปล่อยนักโทษทั่วประเทศทั้งสิ้นจำนวน 7,021 คน อย่างไรก็ตาม มีตัวเลขของนักโทษการเมืองเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ได้รับการปล่อยตัวจริงๆในครั้งนี้ ขณะที่นางอองซาน ซูจี ผู้นำพรรค NLD ถูกตัดสินโทษรวมทั้งสิ้น 33 ปี
สื่อในพม่ารายงานว่า นักโทษการเมืองที่ได้รับการปล่อยตัวเมื่อวานนี้ มีทั้งนายทุระอ่องโก่ อดีตรัฐมนตรีด้านศาสนาและวัฒนธรรมในรัฐบาลของนางอองซาน ซูจี นอกจากนี้ยังมีนักสังคมสงเคราะห์ นักเขียนและนักข่าวรวมอยู่ด้วย อย่างไรก็ตามมีนักข่าวรายหนึ่งชื่อจ่อเซยะ จากนิตยสาร“Mawkun Magazine”ได้รับการปล่อยตัว แต่ไม่นานก็กลับถูกจับตัวอีกครั้งโดยไม่ทราบสาเหตุ ขณะที่การปล่อยตัวนักโทษการเมืองครั้งนี้ หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า กองทัพพม่าหวังผลทางการเมืองและเพื่อลดแรงกดดันจากนานาชาติ
ขณะที่สมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองพม่า (AAPP) รายงานว่า มีประชาชนราว 16,862 คน ถูกจับกุมตัวนับตั้งแต่กองทัพพม่าทำการรัฐประหาร และจนถึงขณะนี้ มีนักโทษการเมืองอีกเป็นจำนวนมากยังคงถูกคุมขัง การนิรโทษกรรมของกองทัพพม่าไม่ได้สร้างความหมายใดๆ จนกว่านักโทษการเมืองทั้งหมด รวมไปถึงนางซูจีจะได้รับการปล่อยตัวออกมา
ด้านสำนักข่าว Shan รายงานว่า ทางการจีนเตรียมเปิดด่านชายแดนการค้าสำคัญกับรัฐฉานในวันที่ 8 มกราคมที่จะถึงนี้ หลังปิดชายแดนการค้าครบ 3 ปี เนื่องจากสถานการณ์โควิด อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการประกาศออกมาจากจีน แต่ยังไม่มีท่าทีใดๆจากรัฐบาลพม่าว่าจะเปิดชายแดนด้วยหรือไม่
ส่วนความเคลื่อนไหวฝั่งคะฉิ่น มีรายงานว่า ผู้นำสูงสุดของกองทัพคะฉิ่น KIA นายพลเอ็น บั่นละ วัย 79 ปี ได้ก้าวลงจากตำแหน่ง และให้นายพลกั่มฉ่อง ขึ้นมารับตำแหน่งผู้นำสูงสุดแทน การตัดสินใจเปลี่ยนตัวผู้นำครั้งนี้ ทาง KIA เป็นมติของคณะกรรมกลางของพรรคที่จะเลือกผู้นำคนใหม่ทุกๆ 4 ปี และนายพลเอ็น บั่นละ นั้น มีปัญหาด้านสุขภาพ
นายพลกั่มฉ่องนั้นเป็นที่รู้จักในเรื่องความมีระเบียบวินัยและมีความทุ่มเท เขามีบทบาทสำคัญในการยึดฐานยุทธศาสตร์บนยอดเขา Alaw Bum ใกล้ชายแดนจีนจากรัฐบาลทหารเมื่อปี 2564 กองทัพคะฉิ่น KIA นั้นเป็นกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์อีกกลุ่มหนึ่งที่ตัดสินใจสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับรัฐบาล NUG ซึ่งเป็นรัฐบาลพลัดถิ่นฝ่ายประชาธิปไตยและต่อต้านกองทัพพม่า



