
สำนักข่าว SHAN รายงานเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2566 คำแถลงของ พล.อ.มิน อ่อง หลาย ซึ่งกล่าวในงานวันเอกราช เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2566 ที่ผ่านมาว่า ทางการพม่าเตรียมจะจัดการเลือกตั้งอย่างโปร่งใส โดยประชาชนที่จะมาหย่อนบัตรเลือกตั้ง จำเป็นที่จะต้องดูสถานการณ์การเมืองในประเทศด้วย และเลือกคนที่เหมาะสมที่จะมาบริหารประเทศตามสถานการณ์บ้านเมือง เพื่อที่จะก่อสร้างประชาธิปไตยแบบสหพันธรัฐ โดยพม่าจะเป็นมิตรกับเพื่อนบ้านอย่างจีน ไทย อินเดียและลาว หากมีกลุ่มไหนที่ออกมาต่อต้านการสร้างมิตรที่ดีกับประเทศเหล่านี้ ทางกองทัพพม่าจะไม่ยอมเด็ดขาด
ขณะที่สำนักข่าว Irrawaddy รายงานว่า มีทหารพม่าอย่างน้อย 110 นาย ทั่วประเทศได้เสียชีวิตในช่วง 6 วันที่ผ่านมา หลังจากที่กลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์กะเหรี่ยงและกองทัพเพื่อประชาชน PDF ได้เพิ่มการโจมตีทหารพม่ามากขึ้นในรัฐกะเหรี่ยง โดยทหารพม่า 90 นาย และทหาร PDF อีก 8 นาย เสียชีวิตในการปะทะกันในเมือง Kyainseikgyi รัฐกะเหรี่ยง หลังจากที่ทางกลุ่มต่อต้านพยายามยึดฐานของทหารพม่าในรัฐกะเหรี่ยง การต้อสู้ที่ดุเดือดดำเนินมาตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา และต่อเนื่องมาถึงวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา ทำให้บ้านเรือนของชาวบ้านในพื้นที่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีของทหารพม่า
นอกจากในพื้นที่นี้แล้ว ยังมีเหตุปะทะกันและโจมตีในพื้นที่อื่นๆอย่างในเขตมะกวย มัณฑะเลย์ และเขตสะกาย เช่นเดียวกับรัฐคะเรนนี ก็ยังเป็นอีกพื้นที่หนึ่งถูกโจมตีจากกองทัพพม่าอย่างต่อเนื่อง โดยสำนักข่าว Myanmar Now รายงานว่า ประชากรราว 2 ใน 3 ของรัฐคะเรนนี หรือราว 300,000 คน ต้องอพยพทิ้งถิ่นฐานจากเหตุความขัดแย้งระหว่างทหารพม่าและกลุ่มต่อต้าน ขณะที่สำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติรายงานว่า มีตัวเลขผู้พลัดถิ่นภายใน ในพม่าราว 1.5 ล้านคน เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา
โมนิก้า พิว สิ่น หญิงชาวคะเรนนีที่ต้องสูญเสียสามีจากเหตุการณ์ฆ่าสังหารหมู่โมโส่ รัฐคะเรนนีเมื่อปีที่แล้ว กล่าวว่า การครบรอบ 1 ปี ของเหตุการณ์สังหารยิ่งทำให้ทุกอย่างเลวร้ายสำหรับเธอ ไม่เพียงแต่จะทำให้ความทรงจำกลับมา แต่ในช่วงเวลานี้ยังเป็นฤดูที่อากาศเย็นลงทำให้ลูกๆทั้ง 4 คนของเธอป่วยบ่อย และเธอไม่สามารถปกป้องลูกๆของเธอได้
ทั้งนี้โมนิก้าต้องดิ้นรนเลี้ยงดูลูกทั้ง 4 คนด้วยการพึ่งพาองค์กรการกุศลเพื่อความอยู่รอด แต่เงินบริจาคลดน้อยลงจนแทบไม่เหลือเลยในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากผู้บริจาคแทบจะไม่สามารถตอบสนองความต้องการของเธอได้ในสภาพเศรษฐกิจของพม่าที่ทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว
“เราจะไม่มีข้าวเหลือเลยหลังจากสิ้นเดือนนี้ ทำไมพวกเขาต้องฆ่าสามีของฉันและคนอื่นๆ ฉันจะไม่มีวันยกโทษให้พวกเขาในเรื่องนี้” โมนิก้ากล่าว โดยเธอและคนอื่นๆที่สูญเสียเช่นกัน ต้องการทวงความยุติธรรมให้กับผู้ที่ถูกสังหารหมู่ในเหตุการณ์โมโส่ เมื่อปีที่แล้ว



