Search

ลาวไฟเขียวบริษัทจีนเดินหน้าเขื่อนปากลาย ชาวบ้านหวั่นถูกบังคับย้าย-ไม่รอสัญญาซื้อขายไฟ

ภาพจากสำนักข่าววิทยุเอเชียเสรี

สำนักข่าววิทยุเอเชียเสรี รายงานว่า ชาวบ้านลาวต่างกังวลเป็นอย่างยิ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเมื่อได้ยินเสียงการระเบิดหินเพื่อเตรียมก่อสร้างเขื่อนปากลาย ซึ่งอาจจะทำให้เกิดน้ำท่วมบ้านเรือนและรัฐบาลยังไม่ได้ชี้แจงแผนการอพยพโยกย้ายถิ่นฐานหรือค่าชดเชยที่ชัดเจนให้ทราบ

ชาวบ้านคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในเมืองปากลาย แขวงไซยะบุรี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน (สปป.) ลาว กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับการอพยพโยกย้ายหรือค่าชดเชย แต่พวกตนเห็นคนงานชาวจีนกำลังทำงานอยู่ที่แม่น้ำโขง โดยมีการเริ่มระเบิดหินในแม่น้ำ

“ผมคิดว่าพวกเขากำลังสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขง” ชาวบ้านกล่าวโดยไม่ขอระบุตัวตนด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย “เนื่องจากการก่อสร้างเราจึงไม่สามารถหาปลาได้อีกต่อไป และเรือก็ไม่สามารถผ่านได้เช่นกัน”

สปป.ลาว เป็นประเทศกำลังพัฒนา ด้วยการสร้างถนนและเขื่อน และใช้ประโยชน์จากแม่น้ำโขงอันยิ่งใหญ่เพื่อผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ ทางการมักจะละเลยความต้องการการดำรงชีวิตของประชาชนที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง เช่นเดียวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ชาวบ้านท้องถิ่น กลุ่มสิ่งแวดล้อมและการช่วยเหลือทางมนุษยชน กล่าวว่า กรณีเขื่อนปากลายคาดว่าจะมีชาวบ้านถูกบังคับให้อพยพประมาณ 1,000 ครอบครัว จาก 20 หมู่บ้าน และการสร้างเขื่อนจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศอย่างร้ายแรง

โครงการเขื่อนปากลาย (Pak Lay hydropower project) มีมูลค่าการลงทุนกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้รับสัมปทานโดยบริษัทเอกชนของจีน รัฐบาลลาวหวังว่าประเทศจะหลุดพ้นยากจนด้วยนโยบายเป็นแบตเตอรี่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ของลาวกล่าวกับสำนักข่าววิทยุเอเชียเสรี ว่าพนักงานของบริษัท Sinohydro Corp. ของจีนได้เริ่มงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับเขื่อนปากลาย

“รัฐบาลได้ไฟเขียวให้บริษัทจีนเริ่มก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งรวมถึงถนนทางเข้าและสะพานในปีนี้” เจ้าหน้าที่ผู้นี้ซึ่งปฏิเสธที่จะเปิดเผยชื่อกล่าว เนื่องจากเขาไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับสื่อ

“ตามแผน บริษัทกำลังจะเริ่มสร้างเขื่อนในต้นปีหน้า และกำหนดก่อสร้างเสร็จในปี 2572” เขากล่าว

ชาวบ้านในพื้นที่ต่างประณามการที่ชุมชนไม่มีความเห็นในกระบวนการตัดสินใจ และแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่เขื่อนจะส่งผลต่อชีวิตของพวกเขา

“พวกเราชาวบ้านไม่มีทางเลือกนอกจากต้องปฏิบัติตามนโยบายของพรรคและรัฐบาล” ชาวบ้านอีกคนจากปากลายกล่าว “เราต้องการคัดค้านโครงการนี้ แต่เราไม่สามารถโต้แย้งกับพรรคและรัฐบาลได้”

“แน่นอนว่าเรากังวลเกี่ยวกับการอพยพโยกย้าย ค่าชดเชย และชีวิตความเป็นอยู่ในอนาคตของเรา” เขากล่าว “เราไม่รู้ว่าทางการจะชดใช้ค่าเสียหายของเราเท่าไร และเราไม่รู้ว่าสภาพความเป็นอยู่ของเราจะดีขึ้นหรือแย่ลงหลังจากนั้น”

ทั้งนี้คาดว่าโครงการเขื่อนปากลายจะมีกำลังผลิตติดตั้ง 770 เมกะวัตต์ และมีอีกหนึ่งโครงการ คือโครงการเขื่อนปากแบง ที่จะกั้นแม่น้ำโขง ในแขวงอุดมไซ ทางตอนเหนือของลาว คาดว่าจะทำให้ผู้คนประมาณ 6,700 คนที่อาศัยอยู่ใน 25 หมู่บ้านต้องพลัดถิ่น

ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2564 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มีแผนที่จะรับซื้อไฟฟ้าที่จากโครงการเขื่อนทั้งสองแห่ง  ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากชายแดนไทย

เจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ของลาวรายหนึ่ง กล่าวว่า  ในขณะที่ยังไม่มีการเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) สำหรับเขื่อนปากลายกับกฟผ.ขอไทย แต่รัฐบาลลาวต้องการให้ บริษัท ซิโนไฮโดร Sinohydro Corp. เตรียมพร้อมสำหรับการก่อสร้างเขื่อนทันทีที่มีการลงนามสัญญา

ชาวบ้านต่างก็กลัวว่าจะไม่ได้รับเงินค่าชดเชยจากการสูญเสียอย่างเพียงพอ เช่นเดียวกับชาวบ้านคนอื่น ๆ  ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำทั่วประเทศ

เจ้าหน้าที่จากกรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของแขวงไซยะบุรี กล่าวว่า หน่วยงานยังอยู่ในระหว่างดำเนินการหาพื้นที่ทำกินแก่ผู้ที่ต้องอพยพ เมื่อจัดหาพื้นที่ได้แล้ว รัฐบาลจะเริ่มสร้างบ้านใหม่ให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ

“เมื่อการอพยพประชาชนเสร็จสิ้น การก่อสร้างเขื่อนจะเริ่มขึ้น และจากนั้นเราจะสามารถพูดคุยเกี่ยวกับค่าชดเชยและผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมได้ นั่นคือนโยบายของรัฐบาล” เจ้าหน้าที่ผู้นี้กล่าวโดยไม่เปิดเผยชื่อ

เจ้าหน้าที่ไซยะบุรีกล่าวว่า รัฐบาลมีหน้าที่ต้องแจ้งให้ชุมชนทราบเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากเขื่อน “เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในภายหลัง” แม้ว่าจะไม่ชัดเจนในทันทีว่าให้ข้อมูลแก่ชาวบ้านปากลายมากน้อยเพียงใด

“หากมีการสร้างเขื่อน เราในฐานะเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจะต้องทำงานของเราตามแผน ซึ่งจะรวมถึงการเคลียร์ที่ดิน สร้างหมู่บ้านตั้งถิ่นฐานใหม่ และปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ” เขากล่าว

เจ้าหน้าที่ไม่ได้ให้รายละเอียดว่ารัฐบาลมีแผนจะชดเชยชาวบ้านหรือกำหนดระยะเวลาดำเนินการอย่างไร

ขณะเดียวกัน  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโครงการดังกล่าว นายหาญณรงค์ เยาวเลิศ ประธานมูลนิธิบูรณาการจัดการน้ำแบบบูรณาการ (ประเทศไทย) กล่าวว่า

“โดยทั่วไปแล้ว ผมคิดว่าหากรัฐบาลลาวเดินหน้าโครงการนี้ รัฐบาลลาวและนักลงทุน อาจได้รับเงินทุนที่จำเป็นสำหรับการก่อสร้าง แต่กลับไม่สนใจคำร้องเรียนเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พันธุ์ปลาและทรัพยากรประมง ที่องค์กรภาคประชาสังคมได้รณรงค์มาตลอด”

อนึ่ง โครงการเขื่อนปากลายจะกั้นแม่น้ำโขงที่แขวงไซยะบุรี อยู่ห่างจาก อ.เชียงคาน จ.เลย ไปทางเหนือ 100 กิโลเมตร ทำให้ชาวบ้านริมแม่น้ำโขงในภาคอีสานของไทยต่างรู้สึกห่วงใยในผลกระทบที่กำลังจะเกิดขึ้น

On Key

Related Posts

นักวิชาการแนะรัฐไทยเร่งหารือประเทศลุ่มน้ำโขงหลังตรวจพบสารหนูเกินค่ามาตรฐานใน จ.เลย-หนองคาย-บึงกาฬ-นครพนม ภาคประชาชนจี้รัฐแจ้งความจริงให้ชาวบ้านทราบ-หาแนวทางปฎิบัติ-หวั่นหลายเมืองใช้น้ำโขงผลิตน้ำประปาได้รับผลกระทบ