เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2566 สมาชิกขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส. หรือ P-Move) กว่า 150 คน ได้จัดขบวนเดินสายไปยังพรรคการเมือง 5 พรรค เพื่อนำเสนอนโยบาย 5 ด้าน ได้แก่ 1. ที่ดิน และที่อยู่อาศัย 2. เสรีภาพ กระบวนการยุติธรรม 3. สิทธิ สถานะ และชาติพันธุ์ 4. รัฐสวัสดิการ และการกระจายอำนาจ 5. โครงการพัฒนาของรัฐ และสาธารณูปโภค สำหรับให้พรรคการเมืองต่าง ๆ นำไปพิจารณากำหนดเป็นนโยบายพรรค รวมทั้งเชิญให้พรรคการเมืองเข้าร่วมเวทีที่จะจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ในวันที่ 6 เมษายน โดยพรรคแรกที่เดินทางไปถึงคือพรรคภูมิใจไทย แต่ไม่มีตัวแทนพรรคออกมาพบพีมูฟ รวมทั้งไม่มีใครออกมารับหนังสือเชิญเข้าร่วมเวที
จากนั้นทั้งหมดได้เดินทางไปยังที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ โดยมีนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ออกมาพบพีมูฟ และรับหนังสือเชิญเข้าร่วมเวที โดยนายไพบูลย์ กล่าวว่า เห็นด้วยกับข้อเสนอของพีมูฟ 90% และจะเข้าร่วมเวทีในวันที่ 6 เมษายนด้วยตนเอง ต่อจากนั้นพีมูฟได้เคลื่อนขบวนไปที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีนายองอาจ คร้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาพบพีมูฟ และรับปากส่งตัวแทนเข้าร่วมเวที โดยมอบให้นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าร่วม
เวลาประมาณ 13.30 น. พีมูฟเดินทางมายังที่ทำการพรรคเพื่อไทย โดยมี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาพบและรับปากว่าจะส่งตัวแทนเข้าร่วมเวทีโดย นพ.ชลน่านกล่าวว่า พรรคเพื่อไทย มีนโยบายดูแลพี่น้องประชาชนให้มีที่ทำกินที่อยู่อาศัย โดยจะเร่งพิสูจน์สิทธิ์ ออกเอกสารสิทธิ์ให้ประชาชน และให้ประชาชนเข้าถึงการบริการของรัฐ ทั้งด้านสุขภาพ สาธารณูปโภค
หลังจากนั้นทั้งหมดได้เดินทางมายังพรรคก้าวไกล โดยนายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ฝ่ายกิจการสภา และ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ฝ่ายนโยบาย มาให้การต้อนรับและหารือด้วย พร้อมทั้งรับปากว่าจะส่งตัวแทนเข้าร่วมเวทีนำเสนอนโยบายที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
นายพิจารณ์ กล่าวว่า หลายข้อเรียกร้องของพีมูฟตรงกับนโยบายของพรรคก้าวไกล ทั้งเรื่องที่ดิน สิทธิเสรีภาพ สวัสดิการ ขณะที่น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า รับข้อเสนอไปผลักดันทั้งหมด ทั้งในสภา รวมถึงหากมีโอกาสเป็นฝ่ายบริหาร จะแก้ไขกฎหมายที่ดินทั้งระบบ ตั้งกองทุน 10,000 ล้านบาท เพื่อพิสูจน์สิทธิ์และ ออกเอกสารรับรองสิทธิในที่ดิน เพื่อคืนที่ดินให้ประชาชน โดยมีเป้าหมาย 10 ล้านไร่ โดยมอบหมายให้ ดร.เดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเพื่ออนาคต เข้าร่วมเวที
นายจำนงค์ หนูพันธ์ ประธานพีมูฟกล่าวว่า การเคลื่อนขบวนไปยังพรรคภูมิใจไทยเป็นที่น่าเสียดายโดยเราได้แจ้งล่วงหน้าไปทุกพรรค แต่ที่พรรคภูมิใจไทยไม่มีใครออกมารับและปิดประตูใส่ด้วย ทั้งๆที่เป็นช่วงเลือกตั้งหาเสียงจึงน่าผิดหวัง ต่อมาเมื่อมาที่พรรคพลังประชารัฐได้รับการต้อนรับอย่างดี เช่นเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลที่ให้การต้อนรับอย่างดี
นายจำนงค์กล่าวว่า ทุกครั้งที่ผ่านมาพีมูฟนำเสนอนโยบายกับรัฐบาลใหม่ ซึ่งไม่ได้รับการต้อนรับเท่าที่ควรจึงเปลี่ยนแปลงนำเสนอในช่วงหาเสียงก่อนเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน โดยในวันที่ 6 เมษายนจะมีการจัดเสวนาโดยมี 13 พรรคการเมืองให้การตอบรับส่งตัวแทนเข้าร่วม
“หลังจากการจัดเวทีแล้วเราจะวิเคราะห์และแถลงข่าวว่าจะทำอย่างไรต่อ เพราะต้องมีมาตรการให้พรรคการเมืองหันกลับมาแก้ปัญหาของพีมูฟ เรามีสมาชิกอยู่ 486 ชุมชน 4 หมื่นครอบครัว การเลือกตั้งครั้งนี้เราต้องทบทวนบทเรียนจากอดีต ที่ผ่านมาเรายื่นข้อเสนอกับทุกรัฐบาล หลายนายกฯ แต่แก้ปัญหาไม่สะเด็ดน้ำแถมยังมีปัญหาเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะเรื่องคดีความที่เกิดจากนโยบายของรัฐ เช่น นโยบายทวงคืนผืนป่าทำให้ชาวบ้านถูกดำเนินคดีกว่า 2 หมื่นคดี เราอยากเสนอให้มีการนิรโทษกรรมจากคดีที่มาจากนโยบายของรัฐ” นายจำนงค์ กล่าว
