เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2566 ได้มีความเคลื่อนไหวของประชาชนในอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ภายหลังจากที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยมีคำสั่งโยกย้าย น.ส.พัทธนันท์ พิทาคำ นายอำเภอแม่แจ่มไปดำรงตำแหน่งนายอำเภอจริม จังหวัดน่าน โดยเมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมาชาวแม่แจ่มได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เพื่อขอคัดค้านคำสั่งย้ายครั้งนี้
หนังสือที่ชาวแม่แจ่มยื่นให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ระบุว่า ประชาชนในพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาควิชาการ เห็นถึงความไม่เป็นธรรมในการสั่งย้ายในครั้งนี้โดยคือ 1.ไม่มีเหตุและความจำเป็นที่จะต้องโยกย้าย 2.การโยกย้ายครั้งนี้มีพิรุธที่ต้องตรวจสอบให้ถึงที่สุด เนื่องจากตั้งแต่ดำรงตำแหน่งนายอำเภอแม่แจ่ม เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2565 เป็นต้นมา น.ส.พัทธนันท์ได้ทำหน้าที่และสร้างผลงานที่สำคัญต่อการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยทำกินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ (คทช.) พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 และ 2 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 ท้องที่อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ เนื้อที่ 358,818 ไร่ ครอบคลุม 7 ตำบล 94 หมู่บ้าน
หนังสือระบุว่า การทำงานของน.ส.พัทธนันท์ทำให้ประชาชนในพื้นที่อำเภอแม่แจ่มสามารถเข้าถึงการพัฒนาสังคม มีระบบสาธารณูปโภค โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม และเป็นการฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่ ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือระหว่างราษฎรในพื้นที่กับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ หน่วยงานราชการ เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน ในการร่วมกันปกป้อง ดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฟื้นฟูระบบนิเวศให้มีความอุดมสมบูรณ์เป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญของประเทศ เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการขับเคลื่อนการทำงานระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ และภาคประชาชน ที่จะเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยทำกินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ให้บรรลุตามเป้าหมายของโครงการฯ
นายอุทิศ สมบัติ ประธานกลุ่มเมืองแจ๋ม อ.แม่แจ่ม ให้สัมภาษณ์ว่าการสั่งย้ายนายอำเภอในครั้งนี้ได้สะท้อนความไม่เป็นธรรม เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั้น ไม่ได้มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบการกระทำความผิดของน.ส.พัทธนันท์ พิทาคำ และสร้างความึนงงให้กับประชาชนในพื้นที่
นายอุทิศกล่าวว่า 1 ปีที่ผ่านมาระหว่างดำรงตำแหน่ง น.ส.พัทธรินได้ปฏิบัติงานในการรับใช้พี่น้องประชาชนในพื้นที่อำเภอแม่แจ่มได้เป็นอย่างดี เธอเกิดและเติบโตในอำเภอแม่แจ่ม การทำหน้าที่สะท้อนให้เห็นว่าเธอเป็นคนที่รักบ้านเกิด เป็นคนที่ตั้งใจแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่อย่างจริงจัง และเป็นกระบอกเสียงให้กับประชาชน ทำให้สถานการณ์ในอำเภอแม่แจ่มกำลังฟื้นตัว ประชาชนในพื้นที่กำลังลืมตาอ้าปากได้ จากปัญหาที่ดินทำกินในเขตป่าสงวนที่เรื้อรังมานาน การสั่งให้ย้ายไปดำรงตำแหน่งอำเภอจริม จังหวัดน่าน ห่างจากพื้นที่บ้านเกิดนั้น ถือเป็นการลงโทษมากกว่า
“พวกเรากำลังรอการดำเนินการของปลัดกระทรวงมหาดไทยอยู่ หลังจากร่วมกันการยื่นหนังสือให้พิจารณา คาดหวังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการรับฟังเสียงของประชาชนในพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาควิชาการ ทุกคนยืนยันสนับสนุนให้น.ส.พัทธนันท์ กลับมาดำรงตำแหน่งนายอำเภอแม่แจ่มต่อไป เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยทำกินในเขตป่าสงวน หากไร้การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ก่อนสั่งย้ายโดยไม่ชอบธรรม ประชาชนร่วมกันต่อสู้เพื่อเรียกร้องต่อจนได้มาซึ่งความยุติธรรมต่อไป” นายอุทิศ กล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงมหาดไทยเปิดเผยถึงเบื้องหลังการโยกย้าย น.ส.พัทธนันท์ในครั้งนี้ว่า มีผู้กล่าวหาว่าไม่สนองตอบโครงการโคกหนองนา เนื่องจากนายอำเภอคนที่แล้วได้ดำเนินโครงการนี้ไว้ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ ต่อมาเมื่อ น.ส.พัทธนันท์ย้ายมาแทน ได้เปลี่ยนแนวคิดโดยเริ่มต้นจากแก้ไขปัญหาเรื่องเอกสารสิทธิในที่ดินก่อน โดยดำเนินการตามแนวคณะกรรมการที่ดินแห่งชาติ (คทช.) จนสามารถทำให้พื้นที่กว่า 3 แสนไร่ในอำเภอแม่แจ่มได้รับการแก้ไข ซึ่งถือว่าเป็นที่แรกในประเทศไทยแก้ไขปัญหาที่ดินแปลงใหญ่ในกระบวนการของ คทช.
แหล่งข่าวกล่าวว่า การแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดิน ทำให้องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นต่างๆรู้สึกดีใจเพราะสามารถพัฒนาในเรื่องระบบสาธารณูปโภคทั้งน้ำประปาและไฟฟ้าตามหมู่บ้านต่างๆ ได้ โดยน.ส.พัทธนันท์และภาคประชาสังคมแม่แจ่มวางแผนกันไว้ว่าต่อไปจะแก้ไขปัญหาเรื่องการพัฒนาแหล่งน้ำเนื่องจากอำเภอแม่แจ่มเป็นพื้นที่สูง ทำให้โครงการโคกหนองนาที่ผ่านมาล้มเหลวเพราะขาดน้ำ หากแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำแล้วจะดำเนินการโครงการโคกหนองนาตามความสมัครใจต่อไป แต่ถูกย้ายเสียก่อน ทำให้ชาวแม่แจ่มรู้สึกไม่พอใจ
