เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2566 สำนักข่าวคะเรนนีกันตรวดีไทมส์ รายงานข่าวมีชาวบ้านเสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บ 2 รายจากเหตุการณ์ที่กองทัพพม่าส่งอากาศยานมาทิ้งระเบิดหมู่บ้าน 2 แห่งทางตะวันตกของเมืองพรูโส่ ในรัฐคะเรนนี เมื่อเวลาประมาณ 04.00 น. ของเช้าวันเดียวกันนี้โดยกองทัพพม่าได้ทิ้งระเบิดสองหมู่บ้านซึ่งเป็นสถานที่ที่ถูกทิ้งระเบิดเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน เหตุดังกล่าวทำให้ชาวบ้านต่างหนีเอาชีวิตรอด กระจัดกระจายไปพื้นที่ต่างๆ อีกครั้ง โดยส่วนใหญ่เข้าไปอาศัยอยู่ในป่าตั้งแต่การทิ้งระเบิดในวันแรกๆ แต่ก็ยังมีชาวบ้านที่ยังคงอยู่ในหมู่บ้านด้วย เมื่อถูกทิ้งระเบิดซ้ำจึงต้องพากันหนีอย่างไม่มีทางเลือก
สำนักข่าวคะเรนนีกันตรวดีไทมส์ระบุว่า กองทัพพม่าทิ้งระเบิดที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของกองกำลังแนวร่วมปลดปล่อยคะเรนนี (KNPLF) เมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา ทำลายสนามฟุตบอลและทำให้เกิดความเสียหายอื่นๆ โดยชาวบ้านในพื้นที่ระบุว่ามีอากาศยานทิ้งระเบิด 6 ลูกติดต่อกัน และมีเฮลิคอปเตอร์จากกองทัพพม่าทิ้งระเบิด นอกจากนี้ยังมีอากาศยานสอดแนมบินวนเวียนทุกวัน
“สำนักงานใหญ่ของกองกำลัง KNPLF ตั้งอยู่ห่างจากสนามฟุตบอลที่ถูกทิ้งระเบิดประมาณ 300 เมตร นอกจากนี้ยังมีระเบิดที่ยังไม่ระเบิด 2 ลูก ตกอยู่ระหว่างสนามฟุตบอลและสำนักงานใหญ่ ชาวบ้านเล่าว่ามีบ้านเรือนของประชาชนในหมู่บ้านพันเต็น ในเมืองแม่แจ๊ะ (Mese) ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากเหตุระเบิดครั้งนี้”สำนักข่าวแห่งนี้ระบุ
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา กองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่รัฐคะเรนนีได้ร่วมมือกันโจมตีและยึดค่ายทหารพม่าและสถานีตำรวจแม่เจ๊ะ ชายแดนรัฐคะเรนนีใกล้บริเวณชายแดนไทย ทำให้กองทัพพม่าส่งอากาศยานทิ้งระเบิดครั้งใหญ่และต่อเนื่อง ส่งผลให้ประชาชนกว่า 5,000 คนที่เป็นผู้พลัดถิ่นหนีภัยสงครามจากเมืองบอลาเคซึ่งหลบอยู่ในค่ายผู้หนีภัย ต้องหลบหนีไปอยู่ตามป่าเขา และชาวบ้านกว่า 3,500 คน ต้องหนีข้ามพรมแดนมายังพื้นที่ปลอดภัยบ้านเสาหิน อ.แม่สะเรียง และบ้านพะแข่ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน
เจ้าหน้าที่ทหารของกองทัพคะเรนนี (Karenni Army-KA) กล่าวว่าขณะนี้สถานการณ์ทางทหารยังคงตึงเครียดในเมืองแม่เจ๊ะ การสู้รบดำเนินต่อไป โดยเฉพาะบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำสาละวิน เมืองผาซอง โดยกองทัพคะเรนนีประกาศให้ประชาชนหลีกเลี่ยงพื้นที่ดังกล่าว
ในวันเดียวกันนายประเสริจ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้มีคำสั่งเรื่องการควมคุม ดูแลศูนย์ผู้หนีภัยจากการสู้รบ ว่า ขอให้สาธารณะสุขอำเภอประสานโรคติดต่อนำโดยแมลง ดำเนินการฉีดพ่นหมอกควันภายใน ศูนย์พักรอ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคมาลาเรียน ทั้งนี้การเข้าไปในศูนย์พักรอ หากเป็น องค์กร เอ็นจีโอให้เข้าไปได้เฉพาะกรณีจำเป็นในการช่วยเหลือเท่านั้น เช่น การเข้าสร้างระบบน้ำ ห้องสุขา เป็นต้น และให้ ขออนุญาตฝ่ายทหารที่ควบคุมก่อน
คำสั่งดังกล่าวยังระบุว่า ห้ามมิให้ ผู้สื่อข่าวเข้าไปทำข่าวโดยเด็ดขาด ให้ฝ่ายทหารควบคุม อย่างเคร่งครัด ห้ามเข้าไป หากนักข่าวต้องการข่าว จะมีเพจข่าวของจังหวัดแม่ฮ่องสอน รายงานสถานการณ์ ประจำวัน จะทั้งรูปถ่าย เหตุการณ์ และวิดีโอ ต่างๆ ลงในในเพจจังหวัดทุกวัน
“หากนักข่าวต้องการข่าว สามารถเข้าไปหาข้อมูลได้ตลอดเวลา ส่วนผู้มาบริจาคสิ่งของช่วยเหลือ ให้เข้าไปได้เฉพาะศูนย์ประสานงานส่วนหน้าที่ เจ้าหน้าที่ ประจำอยู่เท่านั้น ห้ามเข้าไปในศูนย์พักรอทุกกรณี งดการถ่ายรูปในศูนย์พักรอ หากมีผู้เข้าไปทำอาหารแจกจ่าย ก็ให้ผู้หนีภัยออกมารับบริการอาหาร ได้เฉพาะศูนย์ ประสานงานส่วนหน้าเท่านั้น”คำสั่งดังกล่าวระบุ
