
เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2566 ณ พิพิธภัณฑ์เมือง จังหวัดอุดรธานี กลุ่มเครือข่ายความหลากหลายทางเพศร่วมกับนักกิจกรรมกลุ่มอุดรพอกันที พรรคก้าวไกล มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี และเทศบาลเมืองอุดรธานี ได้ร่วมกันจัดงาน “UDON ON PRIDE 2023” โดยก่อนเริ่มงานในช่วง 17.00 น. ได้มีขบวนพาเหรดเพื่อเฉลิมฉลองความเท่าเทียมและเรียกร้องสิทธิความหลากหลายทางเพศ ซึ่งเริ่มจากลานทุ่งศรีเมืองก่อนจะไปสิ้นสุดลงที่พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานีริมฝั่งลานสวนสาธารณะหนองประจักษ์
ทั้งนี้ได้มีการปราศรัย จากตัวแทนกลุ่มเครือข่ายความหลากหลายทางเพศต่อประเด็นเกี่ยวกับบทบาทของตนต่อการสนับสนุน ให้ความสำคัญ และข้อเสนอแนะทางนโยบายในประเด็นเรื่องความเท่าเทียมที่จะต้องเกิดขึ้นในจังหวัดอุดรธานี จากนั้นจึงได้มีการกล่าวเปิดงาน UDON ON PRIDE 2023 โดย ดร.ธนดร พุทธรักษ์ นายกเทศมนตรีนครอุดรธานี และต่อด้วยการเดินแฟชั่นโชว์บนธงสีรุ้ง พ่วงตามมาด้วยการแสดง Cover dance เพื่อเพิ่มสีสันภายในงาน
ธนศิลป์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 17 ปี ผู้เข้าร่วมงานได้กล่าวว่า
“ผมเองก็รู้สึกยินดีและดีใจที่ได้เข้าร่วม และเห็นว่าคนส่วนใหญ่ก็ภูมิใจในตัวตนของเค้า โดยส่วนตัวผมเองก็เป็นคนหนึ่งเช่นกันที่ไม่สนับสนุนและคัดค้านการเหยียดเพศ และผมเองก็สนับสนุนการทำแท้งถูกกฎหมายเพราะถ้าหากว่าเราไม่พร้อมก็อยากให้มีการทำแท้งเพื่อลดการเกิดปัญหาทางสังคมตามมาครับ”
ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ อดีต ส.ส.พรรคก้าวไกล กล่าวว่า” แน่นอนเองว่าเราเองก็เข้ามาทำงานเพื่อผลักดันประเด็นความเท่าเทียมทางเพศ ซึ่งต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพความหลากหลายทางเพศอยู่แล้ว และเห็นได้ว่าสี่ปีที่ผ่านมาการตื่นสร้างการตระหนักรู้สิทธิของผู้มีความหลากหลายทางเพศผ่านกระบวนการการร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมเพื่อผ่านไปยังสภา ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่ผ่านแต่ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล กฎหมายฉบับนี้ก็จะผ่านแน่นอน
เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีชุดแต่งกายในสถานศึกษาและความหลากหลายทางเพศว่า” จริง ๆ ก็ต้องบอกแบบนี้ก่อนว่าหากจะพูดเรื่องการแต่งกายในสถานศึกษา เราก็ต้องพูดถึงภาพรวมของสังคมก่อน ทีนี้พอเวลาพูดถึงสังคมภาพรวม การแต่งกายในสถานศึกษาเราต้องยอมรับความแตกต่างของกันและกัน เอาเป็นว่าในสมัยของเราเองก็ต่อสู้มาอยู่แล้วในเรื่องของการแต่งกาย”
ส.ส.เบญจาได้กล่าวอีกว่า “จริง ๆ มันมีความซับซ้อนมากกว่านั้นคือการแต่งตามเพศสภาพ และการแต่งกายโดยที่่ไม่ถูกจำกัดโดยไม่จำเป็นจะต้องจำกัดให้เป็นชุดนักเรียนเท่านั้น นั้นคืออาจจะต้องมีเสรีภาพในเนื้อตัวและการแต่งกายด้วย เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่แต่เพียงเฉพาะพรรคก้าวไกลเท่านั้น แต่ในตัวเราเองก็ต่อสู้ในสถานศึกษา ซึ่ง 20 – 30 ปีมานี้บริบทต่าง ๆ ก็เปลี่ยนไป ดังนั้นสถานศึกษาในหลายพื้นที่ของทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดก็มีการสนับสนุนให้มีการแต่งกายนอกเหนือจากชุดนักเรียน อาจจะให้ใส่ชุดไปรเวทใน 1 วันภายใน 1 อาทิตย์ หรือเพิ่มแต่งกายตามความต้องการ ดังนั้นทุกวันนี้นั้นก็ย่อมทำได้”



