จากกรณีที่ประชาชนในพื้นที่ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน คัดค้านการขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ของบริษัท เชียงใหม่โรงโม่หิน จำกัด เนื้อที่ประมาณ 132 ไร่ ในพื้นที่หมู่13 บ้านโป่งดอยช้าง ต.บ้านกาศและหมู่ที่3 บ้านแพง ต.แม่สะเรียง ล่าสุด วันที่ 6 กรกฎาคม 2566 ชาวแม่สะเรียงที่คัดค้านการทำเหมืองแร่ นำโดย ดร.ทองทิพย์ แก้วใส ได้เข้าพบนายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการ จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อทวงถามคำตอบหลังจากที่ก่อนหน้านี้ชาวแม่สะเรียงได้เคยยื่นหนังสือมาแล้ว
นอกจากนี้กลุ่มผู้คัดค้านฯยังได้ขอหารือในประเด็นต่างๆที่ประชาชนในพื้นที่ยังไม่เข้าใจ เช่น ประชาชนยื่นคัดค้านแล้วสามารถตัดสินใจได้หรือไม่ว่าบริษัทไม่สามารถดำเนินการขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ได้ ,การรับฟังความคิดเห็นจะมีการลงประชามติได้เลยหรือไม่ ,การลงประชามติ กรณีประชาชนไม่เห็นด้วยสามารถตัดสินใจได้หรือไม่ว่าบริษัทไม่สามารถดำเนินการขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ได้ ,การรับฟังความคิดเห็นและลงประชามติประชาชนขอทราบหลักเกณฑ์การรับฟังความคิดเห็นและการลงประชามติ
ภาคประชาชนยังตั้งคำถามในประเด็นขั้นตอนการยื่นขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ โดยขอทราบขั้นตอนการยื่นขอประทานบัตรทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมตั้งแต่แรกจนถึงปัจจุบัน ,บริษัทได้ดำเนินตามขั้นตอนกฎหมายหรือไม่ ,ในปีที่ผ่านมาบริษัทได้ลงพื้นที่ประชุมชี้แจงชาวบ้านหมู่ 13 บ้านโป่งดอยช้าง ต.บ้านกาศ อ.แม่สะเรียง เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนใด ขณะเดียวกันขอให้ดำเนินการตรวจสอบการอนุมัติพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่ทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมเป็นป่าเสื่อมโทรมหรือไม่อย่างไร เพราะสภาพป่าปัจจุบันอุดมสมบูรณ์เป็นป่าต้นน้ำของประชาชนในพื้นที่ การประเมินพื้นที่ได้รับผลกระทบการทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมขอทราบหลักเกณฑ์ในการประเมิน และทำไมมีเพียง 2หมู่บ้าน คือบ้านโป่งดอยช้าง หมู่13 ต.บ้านกาศและบ้านแพะ หมู่ 3 ต.แม่สะเรียง ทั้งที่ในความเป็นจริงมีพื้นที่ได้รับผลกระทบมากกว่านั้น
ดร.ทองทิพย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าพบ ผวจ.แม่ฮ่องสอน ว่าได้มีตัวแทนจากสำนักงานอุตสาหกรรม จ.แม่ฮ่องสอน และสำนักงานป่าไม้ จ.แม่ฮ่องสอน เข้าร่วมหารือด้วย โดยมีประเด็นที่สงสัยสอบถามสำนักงานอุตสาหกรรม จ.แม่ฮ่องสอน เรื่องคุณสมบัติของผู้ขอประทานบัตร เนื่องจากประชาชนไม่ได้รับรู้มาก่อน จนกระทั่งมีการติดประกาศของสำนักงานอุตสาหกรรม
“ทางท่านผู้ว่าฯ ได้ติงสำนักงานอุตสาหกรรม ว่าให้ฟังเสียงชาวบ้านที่คัดค้าน ผู้ว่าฯเข้าใจทางอุตสาหกรรมและก็เห็นใจประชาชนด้วย แม้สำนักงานอุตสาหกรรมจะทำถูกต้องตามกฎหมาย แต่อย่าลืมความคิดเห็นของประชาชนด้วย เท่าที่ฟังๆดูแล้วผู้ว่าฯ จะช่วยเหลือประชาชนอยู่ เราก็พอใจในสิ่งที่ผู้ว่าฯท่านเข้าใจความรู้สึกของประชาชน สบายใจในระดับหนึ่ง” ดร.ทองทิพย์ กล่าว
แกนนำคัดค้านการทำเหมืองแม่สะเรียง กล่าวถึงกรณีพื้นที่ป่าสงวนถูกระบุว่าเป็นป่าเสื่อมโทรม จะยุติปัญหานี้ได้ต้องเป็นมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถ้ามีรัฐบาลใหม่ก็จะต้องจัดทีมกันขึ้นกันใหม่เพื่อทำเรื่องให้ ยกเลิกมติ ครม.ก่อน แล้วจึงเสนอให้ ครม.ประกาศให้พื้นที่ป่าสงวนนี้เป็นพื้นที่ไม่สามารถทำเหมืองได้อย่างถาวร เพื่อไม่ให้ในอนาคตมีผู้กลับมาขอประทานบัตรอีกเลย
