เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2566 ศูนย์สั่งการชายแดนไทย-พม่าด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน ออกแถลงการณ์ประจำวันว่า ยังคงปรากฏข่าวการปะทะกันระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลังชนกลุ่มน้อย/กลุ่มต่อต้านรัฐบาลเมียนมา เป็นการปฎิบัติการทางทหารทั้งการใช้กำลังทางอากาศและกำลังทางภาคพื้นที่ดินในการปะทะกันบริเวณตามแนวชายแดน อ.เมือง อ.ขุนยวม และอ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน โดยขณะนี้มีผู้หนีภัยการสู้รบเดินทางเข้ามายังฝั่งไทยจำนวน 5,176 คน โดยที่บ้านเสาหิน อ.แม่สะเรียง มียอด 3,531 คน ไม่มีเพิ่ม แต่มีผู้เสียชีวิต 1 คนเนื่องจากท้องเสียรุนแรงและติดเชื้อในลำไส้ ส่วนที่บ้านพะแข่ อ.ขุนยวม มีผู้หนีภัยเพิ่ม 1 คนรวมเป็น 820 คน ส่วนที่บ้านอูนุ ไม่มีผู้หนีภัยเพิ่ม ขณะที่บ้านจอปร่าคี มีผู้หนีภัยเท่าเดิมคือ 501 คน
นายบันยา ผู้อำนวยการกลุ่มบรรเทาทุกข์คะเรนนี ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวชายขอบว่า วันนี้ในรัฐคะเรนนีและใกล้ชายแดน 3 อำเภอของ จ.แม่ฮ่องสอน คือ อ.เมือง อ.ขุนยวม และ อ.แม่สะเรียง มีการสู้รบหนักมาก กองทัพของเผด็จการทหารพม่าใช้อาวุธหนักโจมตีหลายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทั้งปืนค. และการโจมตีทางอากาศ และเกิดขึ้นอีกหลายพื้นที่ในรัฐคะเรนนีชั้นในด้วยเช่นกัน
“สถานการณ์ตึงเครียดมาก ผมในนามประชาชนคะเรนนี ขอขอบคุณที่ประเทศไทยอย่างสุดซึ้งที่ได้ช่วยเหลือในการรองรับประชาชนผู้ลี้ภัยจากรัฐคะเรนนี ไม่ใช่เพียงวันนี้แต่ตลอดเวลา 30 ปีที่ผ่านมา ครั้งนี้ ประชาชนของเรากว่า 5 พันคนจำเป็นต้องหนีภัยความตายข้ามมาฝั่งไทย แต่ยังมีอีกจำนวนมากที่ติดอยู่ในรัฐคะเรนนี ที่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ ซึ่งไทยและคะเรนนีเป็นเพื่อนบ้านเป็นพี่น้องกันมาโดยตลอด” ผอ.กลุ่มบรรเทาทุกข์คะเรนนีกล่าว
สำนักข่าวคะเรนนีกันตรวดีไทมส์ ได้สัมภาษณ์ พ.อ.บุญนัย ผู้บัญชาการทหารของกองทัพคะเรนนี (Karenni Army- KA) โดยกล่าวว่ากองทัพพม่าปะทะกับกองกำลังฝ่ายประชาชน ที่ชายแดนไทย-รัฐคะเรนนี โดยการต่อสู้ดำเนินไปหลายชั่วโมง ต่อมาทหารพม่าได้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากเครื่องบินกองทัพพม่า และมีอากาศยานของกองทัพพม่ามาทิ้งระเบิดอย่างต่อเนื่องใกล้ชายแดนไทย
“เราสู้เพื่อปกป้องดินแดนของเรา กองกำลังฝ่ายประชาชนร่วมกันสู้ไปด้วยกัน สู้ด้วยกัน เพราะเราอยู่บนมาตุภูมิของเราที่ถูกรุกราน ประชาชนถูกเข่นฆ่า ถ้าพวกเขามาเราก็ต้องสู้ แค่นั้นแหละ นั่นคือเป้าหมาย” ผู้บังคับการกองทัพคะเรนนี กล่าว
——–
