Search

หน.อุทยานแก่งกระจานมั่นใจคนบางกลอยอยู่กับป่าได้ เรียกร้องทุกฝ่ายเปิดพื้นที่พูดคุย

เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2566 ที่อาคารประชุมอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย และศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน) ร่วมกันจัดเวทีสมัชชาภูมิภาคกลาง ตะวันออก ตะวันตก เพื่อร่วมขับเคลื่อนรณรงค์เนื่องในวันชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย ประจำปี 2566 ระหว่างวันที่ 15 – 16 ก.ค. โดยมีตัวแทนชนเผ่า อาทิ กะเหรี่ยง, ไทยทรงดำ, ไทยพวน, ไทยใหญ่, มอญ, ชอง, ลาวครั่ง, ลาวแง้ว จาก 22 จังหวัด เข้าร่วม

สำหรับเวทีครั้งนี้มีการเปิดพื้นที่ให้ตัวแทนชนเผ่าร่วมแลกเปลี่ยนถึงสถานการณ์และประเด็นปัญหาของชนเผ่าต่าง ๆ รวมถึงหารือต่อแนวทางพื้นที่คุ้มครองทางวัฒนธรรม เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนวาระนโยบายของสภาชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย ตลอดจนมีกิจกรรมแลกเปลี่ยนและเชื่อมร้อยเชิงวัฒนธรรมระหว่างชนเผ่า นอกจากนี้ในจังหวัดอื่น ๆ ยังมีการจัดเวทีสมัชชาชนเผ่าพื้นเมืองคู่ขนานพร้อมกันทั่วประเทศ

นายสมเจตน์ จันทนา หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กล่าวกับผู้เข้าร่วมเวทีว่า กรณีปัญหาของชุมชนบ้านโป่งลึก-บางกลอย เป็นชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ตั้งแต่ตนเข้ามาเป็นหัวหน้าอุทยานฯ ประมาณ 1 ปี ได้ใช้วิธีจัดการปัญหาแตกต่างจากในอดีต มุ่งสร้างความสัมพันธ์กับชุมชน เพื่อสร้างความไว้ใจระหว่างอุทยานฯ กับชุมชนเป็นสิ่งแรก เนื่องจากปัญหาถูกตรึงไว้ด้วยข้อกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ ทำให้ยังแก้ปัญหาไม่ได้ แต่ควรหันมาเปิดโอกาสให้มีพื้นที่หรือเวทีที่ทุกฝ่ายได้พูดคุยกันมากขึ้น เช่น ชุมชนยังมีปัญหาเรื่องสิทธิที่ดินทำกินที่ตกหล่น ชาวบ้านอีกกลุ่มต้องการกลับไปอยู่ที่บางกลอยบนที่เป็นชุมชนเดิมเพื่อทำไร่หมุนเวียน

“ภาครัฐอาจระแวงคนบางกลอยที่มีวิถีคนอยู่กับป่าว่า จะกลับไปตัดไม้ ล่าสัตว์ป่า ชาวบ้านอาจระแวงว่ารัฐจะให้เรากลับไปอยู่หรือไม่ ต่างคนต่างระแวงกัน แต่จุดหมายสุดท้ายคือ คนจะอยู่กับป่าอย่างไรที่จะทำให้ป่ายังคงยั่งยืน แต่ผมเชื่อมั่นว่า ไม่มีใครดูแลป่าและอนุรักษ์ป่าได้ดีเท่ากับชุมชน อยากปรับเปลี่ยนมุมมองของเจ้าหน้าที่ให้ทันต่อสถานการณ์ เช่น สมัยที่ผมอยู่ที่อุทยานฯ ไทรโยค ชุมชนที่นั่นมีกติการ่วมกัน ป่าไหนเก็บของป่าได้ ตัดไม้ใช้สอยได้ รัฐต้องมีข้อมูลให้ชุมชน ถ้ามีคนนอกพื้นที่เข้าไปเก็บของป่า เจ้าหน้าที่ต้องจับกุม เพราะเราคิดว่าทรัพยากรธรรมชาติเป็นของคนในชุมชน จึงมีสิทธิใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน ซึ่งเคยทำมาแล้วที่ไทรโยค การแก้ปัญหาทุกอย่างจึงควรเริ่มต้นด้วยการพูดคุยหาทางออกร่วมกันได้” หัวหน้าอุทยานฯ แก่งกระจาน กล่าว

นายชูพินิจ เกษมณี 1 ในคณะผู้อาวุโสสภาชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาศูนย์มานุษฯ พยายามผลักดันร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ โดยไปถึงขึ้นตอนการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี(ครม.) แม้ปัจจุบันกำลังจะมีรัฐบาลใหม่แต่ไม่กังวล เนื่องจากจะเป็นโอกาสให้สามารถบูรณาการร่างกฎหมายให้รวมเป็นร่าง พ.ร.บ.ฉบับเดียว ก่อนเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่สภาในรัฐบาลใหม่ได้ เพราะมีปัญหาร่วมกันคือประเด็นสิทธิชุมชน วิถีชีวิตวัฒนธรรมหลายอย่างยังไม่ได้รับการคุ้มครอง ปัญหาที่ดิน ทรัพยากร โดยเฉพาะปัญหาของชาวเลอันดามัน ที่ดินชุมชนชาวเลมีค่าเป็นทอง นักลงทุนซื้อขายหลักสิบล้านบาทต่อไร่ จึงเดือดร้อนอย่างหนัก

“มีภาพถ่ายดาวเทียมยืนยันว่า ป่าที่สมบูรณ์คือพื้นที่ที่มีระบบไร่หมุนเวียน คนกะเหรี่ยงช่วยรักษาป่ายั่งยืนมาหลายร้อยปี ก็ควรส่งเสริมต่อไป และวิถีไร่หมุนเวียนได้ขึ้นเป็นมรดกทางภูมิปัญญาของชาติในปี 2556 และมีแผนยื่นต่อยูเนสโก เพื่อให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ การทำไร่หมุนเวียนช่วยรักษาป่าไม้ไว้ได้จนถึงปัจจุบัน เช่น ป่าแก่งกระจานที่ยังมีป่าอุดมสมบูรณ์ มีนักท่องเที่ยวนับแสนคนต่อปี” นายพินิจ กล่าว

On Key

Related Posts

หวั่นหายนะแม่น้ำปนเปื้อน ชาวแม่สายร่วมกันสะท้อนข้อเท็จจริง-เผยชาวบ้านเครียดหนักจนต้องพึ่งจิตเวช-หลายฝ่ายร่วมหาทางออก ชาวบ้านยื่นหนังสือ AICHR ยกระดับปัญหา รอง ผวจ.เผยทางการพม่าตรวจสารโลหะหนักแล้วแต่ใช้คนละมาตรฐาน “ประเสริฐ”เตรียมนำคณะเจรจาเนปิดอว์ 4-8 สค.

หวั่นความมั่นคงด้านสุขภาพ รพ.ชายแดน จ.ตากเร่งรับมือช่วยเหลือผู้ลี้ภัยในศูนย์พักพิง “หมอตุ่ย”หนักใจเรื่องโภชนาการหลังสิ้นเดือนถูกตัดงบค่าอาหาร-แนะ สธ.เป็นเจ้าภาพตั้งกองทุน-ชี้เชื้อโรคไม่รู้จักเส้นแบ่งแดน “ภูมิธรรม”เผยกำลังติดตามดู