
เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2566 สำนักข่าว Irrawaddy รายงานว่า ชาวบ้านในเมืองขิ่นอู เขตสะกาย หลายพันคนกำลังต้องการความช่วยเหลือด้านอาหารและยาเร่งด่วน หลังจากชาวบ้านเหล่านี้ต้องอพยพถิ่นฐานตั้งแต่เมื่อเดือนสิงหาคม หลังทางทหารพม่าเข้าโจมตีหมู่บ้านและได้ปะทะกับทหารฝ่ายต่อต้าน ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตที่เป็นผู้หญิงมีมากกว่า 600 คน จากตัวเลขที่มีการสำรวจในปีนี้
อีกด้านหนึ่ง ในเขตมัณฑะเลย์ เมืองหลวงอันดับสอง ทางการพม่าได้สั่งให้ร้านค้าในพื้นที่ต้องติดกล้องวงจรปิด CCTV ทั้งภายในและภายนอกร้าน หากไม่ปฏิบัติตามจะถูกยึดใบอนุญาตประกอบธุรกิจ ขณะที่เจ้าของร้านค้ารายหนึ่ง เปิดเผยกับสำนักข่าว Myanmar Times ว่า ทางกองทัพพม่าต้องการให้กล้องวงจรปิดเหล่านี้จับภาพผู้ต่อต้าน ซึ่งที่ผ่านมา ทางการได้อาศัยภาพจากกล้องวงจรปิด ทำให้กองทัพพม่าสามารถจับกุมประชาชนที่ออกมาต่อต้านหลายสิบคน
ขณะที่สถานการณ์การสู้รบทางภาคเหนือของรัฐฉาน ระหว่างทหารพม่าและทหารปะหล่อง TNLA และในรัฐคะฉิ่น โดยเฉพาะใกล้กับกองบัญชาการสำคัญของทหารคะฉิ่น KIA นั้นยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง โดยทาง KIA ระบุว่า การปะทะกันน่าจะดุเดือดและรุนแรงขึ้นในเร็วๆนี้ โดยฝ่ายกองทัพพม่าได้เสริมกำลังพลและอาวุธประชิดเขตควบคุมของ KIA ตั้งแต่เมือเดือนที่ผ่านมา

ด้านสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองในพม่า (AAPP) ออกรายงานเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2566 ว่า นับตั้งแต่รัฐประหารในพม่าเมื่อ 2 ปีก่อน ทำให้มีประชาชนในพม่าเสียชีวิตแล้วกว่า 4,000 คน จากสงครามและการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยกองทัพพม่า นับตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนสิงหาคมในปีนี้ มีผู้เสียชีวิตแล้วจำนวน 1,080 ราย โดยเฉลี่ยแล้ว มีประชาชนในพม่าต้องเสียชีวิต 130 คน ต่อเดือน และกองทัพตั้ตมะด่อว์ยกระดับการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อพลเรือนของตัวเองรุนแรงมากยิ่งขึ้น
AAPP ระบุว่าสาเหตุที่ทำให้ประชาชนในพม่าต้องเสียชีวิตมาจากการถูกโจมตีทางอากาศโดยกองทัพพม่า การถูกอาวุธปืนโจมตีและอื่นๆ โดยที่เขตสะกาย ยังคงเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบและมีผู้เสียชีวิตมากที่สุด ซึ่งยังเป็นฐานที่มั่นสำคัญของฝ่ายต่อต้าน ทั้งนี้มีการสังหารหมู่ โจมตีทางอากาศและการยิงตามอำเภอใจ โดยเฉพาะในพื้นที่เขตชนบทของเขตสะกาย โดยในเขตสะกายเพียงแห่งเดียว มีพลเรือนเสียชีวิตเกือบถึง 1,800 ราย คิดเป็น 45 เปอร์เซ็นต์ของผู้เสียชีวิตทั้งหมด เช่นเดียวบ้านเรือนนับหลายหมื่นหลังถูกทหารพม่าเผาทำลายเสียหาย