เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2566 น.ส.พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ในฐานะทนายฝ่ายโจทก์ในคดีฆาตกรรมนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ นักต่อสู้ชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย-ใจแผ่นดิน เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้(28 ก.ย.) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง จะมีการอ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อท.166/2565 ซึ่งเป็นคดีที่นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่ งชาติแก่งกระจานกับพวก ตกเป็นจำเลยในข้อหาร่วมกันฆาตกรรมอำพรางโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และข้อหาอื่น ๆ
น.ส.พรเพ็ญ กล่าวว่าทุกคนมีความคาดหวังว่าศาลจะมีความเป็นธรรมให้แก่ครอบครัวของบิลลี่ ทั้งบุตร ภรรยา มารดา และชาวบ้านกะเหรี่ยงใจแผ่นดินทุกคน เพราะเหตุของเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการบังคับอพยพเคลื่อนย้ายชุมชนดั้งเดิมตั้งแต่ปี 2553 – 2554 โดยการต่อสู้ของ ‘บิลลี่’ เพียงต้องการกลับไปอยู่ในพื้นที่ชุมชนดั้งเดิม และตลอดเวลาที่ต่อสู้ทำให้ ‘บิลลี่’ ต้องเผชิญภัยที่อันตรายที่สุดด้านสิทธิมนุษยชน นั่นคือการถูกบังคับให้บุคคลสูญหาย
“เรามีความหวังว่าคำพิพากษาของศาล ที่ผ่านกระบวนการทำงานของ DSI สำนักงานอัยการสูงสุด มีการวิเคราะห์พยานหลักฐานอย่างมืออาชีพ จะทำให้ความจริงปรากฏว่าบิลลี่หายไปไหน หรือมีชะตากรรมอย่างไร” น.ส.พรเพ็ญ กล่าว
ทนายความผู้นี้กล่าวอีกว่า ‘มึนอ’ ผู้เป็นภรรยาถือเป็นผู้เสียหายและพยานที่สำคัญของคดี หากเขาไม่กล้าลุกขึ้นมาต่อสู้ การหายตัวไปของ ‘บิลลี่’ ก็คงเงียบหายไปเหมือนกรณีคนหายอื่น ๆ หลายสิบกรณีที่เกิดขึ้นในไทย ซึ่งคดีนี้ไม่ใช่คดีแรกแต่เป็นคดีเดียวที่สามารถนำเจ้าหน้าที่รัฐขึ้นสู่กระบวนการยุติธรรมของศาล โดยหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรม
“คดีนี้ถือเป็นบรรทัดฐานที่สามารถนำบุคคลที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ในคดีอาญาฆาตกรรมนักสิทธิมนุษยชน แต่ผลสุดท้ายเราต้องการคำพิพากษาเพื่อพิสูจน์ว่าความยุติธรรมจะมีหรือไม่” นางสาวพรเพ็ญ กล่าว
ส่วน น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ ‘มึนอ’ อดีตภรรยาของ ‘บิลลี่’ ให้สัมภาษณ์ว่า การตัดสินศาลในวันพรุ่งนี้ หวังว่าจะได้รับความยุติธรรมคืนสู่ครอบครัว ผู้กระทำผิดต้องได้รับโทษ เพราะตลอดกว่า 9 ปีที่ผ่านมา ตนต้องสูญเสียสามีและต้องดูแลลูก ๆ คนเดียวรู้สึกเหนื่อยล้าลำบากมาก การต่อสู้คดีก็มีอุปสรรคมากมาย ซึ่งเรื่องนี้ไม่ควรเกิดกับตนหรือครอบครัวไหนเลย หากศาลตัดสินว่าเจ้าหน้าที่มีความผิดจริง ก็ต้องการให้หน่วยงานรัฐรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลด้วย
“การตัดสินก็ขึ้นอยู่กับศาล แต่ใจจริงอยากบอกให้สังคมรับรู้ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเรา อยากให้หน่วยงานรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัว ไม่ว่าผลตัดสินจะเป็นอย่างไร คิดว่าชาวบ้านบางกลอยก็จะได้รับผลดีจากคดีนี้ด้วย” มึนอ กล่าว