สำนักข่าว Than Lwin Times รายงานเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2566 ว่า ตามรายงานของรัฐบาลพลัดถิ่น NUG นับตั้งแต่รัฐประหาร กองทัพพม่าได้ใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อชุมชนและพลเรือนของตัวเองมากกว่า 1,200 ครั้ง ซึ่งทำให้มีบ้านเรือนเสียหาย 1,080 หลังคาเรือน คร่าชีวิตพลเรือนไปแล้วกว่า 541คน บาดเจ็บอีก 433 คน
การปฏิบัติโจมตีทางอากาศ ยังสร้างความเสียหายให้โรงเรียน 39 แห่ง โรงพยาบาลอีก 22 แห่ง และอาคารทางศาสนาอีก 54 แห่ง ส่วนปฏิบัติการเข้าโจมตีของทหารพม่าในภาคพื้นดินนั้น ทหารพม่าได้ทำลายบ้านเรือนของประชาชนแล้วกว่า 75,000 หลัง สังหารพลเรือนเสียชีวิต 4,552 คน และมีพลเรือนได้รับบาดเจ็บอีก 3,926 คน และมีชาวบ้านที่ต้องอพยพย้ายถิ่นฐานอีกกว่า 1.9 ล้านคน ซึ่งรัฐบาล NUG ระบุว่า เป็นพฤติกรรมที่ก่ออาชญากรรมต่อประชาชน
นอกจากนี้ รัฐบาล NUG ยังเผยว่า การปราบปรามของกองทัพพม่ายังทำให้ประชาชนต้องพบเจอปัญหาในด้านเศรษฐกิจ ประชาชน 1 ใน 3 ต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วน ในขณะที่กองทัพพม่าได้ควบคุมความช่วยเหลือระหว่างประเทศไว้ทั้งหมด ทั้งการกีดกันไม่ให้ความช่วยเหลือเข้าถึงประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือ รวมไปถึงขัดขวางกระบวนการเป็นต้น
รัฐบาล NUG เรียกร้องต่อประชาคมระหว่างประเทศให้การสนับสนุนการปฏิวัติฤดูใบไม้ผลิของพม่า (Myanmar Spring Revolution) ด้วยวิธีการที่มีประสิทธิภาพและใช้ได้จริงมากขึ้นในภาคการทหาร การเมือง เศรษฐกิจ และการทูต
ขณะที่เมืองปะแล็ตวา ในรัฐชิน ก็เป็นอีกหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ โดยเฉพาะอาคารทางศาสนา โดยล่าสุดสำนักข่าวชิน Khonumthung ได้รายงานว่า ทางการในพื้นที่ภายใต้รัฐบาลทหารมีแผนที่จะจำกัดและควบคุมการก่อสร้างอาคารทางศาสนาในพื้นที่ โดยเฉพาะอาคารทางศาสนาของชาวคริสเตียนและชาวมุสลิม จนทำให้ขณะนี้ไม่มีการก่อสร้างอาคารทางศาสนาใดๆ ในพื้นที่ ส่วนประชากรส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 80 ในพื้นที่นั้นเป็นชาวคริสเตียน