Search

หวั่นหาดหินสายแร่ทองคำจมน้ำจากเขื่อนปากแบง แขวงอุดมไซให้สัมปทานเอกชนเร่งขนออกจากริมแม่น้ำโขง-เทศกาลบุญใหญ่ปีนี้ซบเหตุเศรษฐกิจลาวทรุด ขณะที่ MRC เตรียมจัดประชุมใหญ่ระดับภูมิภาคเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลความโปร่งใส

ภายหลังจากที่บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า Pak Beng Power Company Limited เป็นบริษัทร่วมทุน ระหว่าง China Datang Overseas Investment Co.,Ltd.(“CDTO”) 51% และบริษัท กัลฟ์ฯ 49% ร่วมกันลงนามบันทึกความเข้าใจการรับซื้อไฟฟ้า(TariffMOU) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เพื่อสร้างเขื่อนปากแบง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 912 เมกะวัตต์ บนแม่น้ำโขง เมืองปากแบ่ง แขวงอุดมไซ ประเทศลาว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2566 ซึ่งมีมูลค่าการลงทุน ทั้งสิ้นประมาณ 100,000 ล้านบาทนั้น ความคืบหน้าล่าสุดระหว่างวันที่ 29 กันยายน-2 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจข้อมูลความคืบหน้าการสร้างเขื่อนปากแบง โดยเดินทางล่องเรือจากเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ไปยังเมืองปากแบง แขวงอุดมไซ ซึ่งเป็นจุดสร้างเขื่อนปากแบง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดตามริมแม่น้ำโขงคือมีการนำหินมากองอยู่ตามริมแม่น้ำโขงในหลายจุด  โดยเฉพาะปากลำห้วยและลำน้ำสาขาที่ไหลลงแม่น้ำโขง เช่น ปากห้วยคำ เมืองปากทา  บริเวณบ้านก้อนตื้น เมืองปากทา บ้านหาดสะ บ้านปากเงย เมืองปากแบง แขวงอุดมไซ

ชาวบ้านเมืองปากแบง กล่าวว่า รถแบคโฮ และรถบรรทุกที่เห็นขุดอยู่แคมของหรือริมแม่น้ำโขงเป็นของบริษัทเอกชนลาวผู้ได้รับสัมปทานจากทางการแขวงอุดมไซ เพราะเห็นว่าต่อไปเมื่อสร้างเขื่อนปากแบงจะทำให้น้ำท่วมริมฝั่งแม่น้ำ เพราะระดับน้ำตั้งแต่หาดดอนเทศ บ้านปากเงยจะสูงขึ้นทำให้พื้นที่หาดจมน้ำ  จึงเห็นควรว่าพื้นที่หาดหินที่มีแร่ทองคำจะจมหายไปด้วย  ทางแขวงจึงอนุมัตินี้ให้สัมปทานเอกชนขุดหินที่มีแร่ทองคำบริเวณริมน้ำโขงในช่วงปีที่ผ่านมาซึ่งผู้ได้รับสัมปทานทยอยเปิดพื้นที่ขุดหินริมน้ำพื้นที่ที่คาดว่ามีทองคำไปในที่สูงพ้นระดับน้ำ ก่อนจะทำไปถลุงเพื่อแยกแร่ทองคำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่เมืองปากแบงช่วงเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยวเป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีการจัดงานบุญใหญ่ห่อเข้าสลากและบุญซ่างเฮือ (แข่งเรือ) พ่อค้าแม่ค้าเร่มากมายต่างปักหลักกางเต็นท์บนถนนที่เชื่อมลงมาท่าเรือปากแบง โดยชาวบ้านจากชุมชนและเมืองใกล้เคียงในแขวงอุดมไซต่างเดินทางมาเที่ยว อย่างไรก็ตามในวันงานเป็นช่วงที่มีฝนตก แต่ผู้คนจากเมืองต่างๆ ในลาวได้เดินทางมากันอย่างคับคั่งเพื่อทำบุญและชมการแข่งเรือพายรวมทั้งจับจ่ายซื้อของเครื่องใช้ และกินดื่มกันสนุกสนานในงานบุญใหญ่

พ่อค้าเร่กล่าวว่า ปีนี้คนน้อยกว่าทุกปีที่ผ่านมา เพราะปัญหาเศรษฐกิจชาวบ้านไม่มีเงิน จึงไม่เข้ามาซื้อของและร่วมงานมาก และโดยปกติงานบุญใหญ่จะมีคนมาแน่นถนนท่าเรือปากแบง อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่า มีคนจีนเข้ามาอาศัยในปากแบงเพิ่มสูงขึ้นโดยเริ่มมีร้านอาหาร ที่พักของคนจีนเปิดบริการ นอกจากนี้มีรถมอเตอร์ไมค์ รถยนต์ป้ายทะเบียนสีฟ้าของจีน วิ่งอยู่ในเมืองปากแบง ด้วย

ทั้งนี้ปากแบงเป็นเมืองท่าของแขวงอุดมไซ ที่อยู่ครึ่งทางในการเดินทางทางเรือจากแขวงบ่อแก้วไปยังเมืองหลวงพระบาง สปป.ลาว จึงเป็นจุดแวะพัก และท่าเรือขนส่ง เมื่อทางบกพัฒนาขึ้นและการขนส่งทางเรือถูกใช้น้อยลง จึงมีรายได้หลักจากการแวะพักของนักท่องเที่ยว แบ็คแพคเกอร์ฝรั่ง และนักท่องเที่ยวไทยที่นิยมนั่งเรือช้าแวะพัก โดยเมืองปากแบงได้ผุดที่พักที่สร้างขึ้นมาบริการนักท่องเที่ยวพัฒนาจนมีหลายรูปแบบและราคา

“ พวกเราได้รับการยืนยันจากหน่วยงานของลาวเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่า เขื่อนปากแบงจะมีการสร้างแน่นอน 100% และต้นเดือนที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ลาวมาสำรวจพันธุ์ปลาที่ปากแบง”ชาวบ้านรายหนึ่ง กล่าว

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามคนพื้นที่ พบว่าส่วนใหญ่ยังมีความกังวลในเรื่องของการท่องเที่ยวที่จะทำให้คนเที่ยวลดลงหรือไม่ แม้ทางบริษัทเอกชนผู้พัฒนาเขื่อนจะบอกว่ามีช่องทางสำหรับการเดินเรือ แต่หากเขื่อนถูกสร้างขึ้นทำให้ธรรมชาติแม่น้ำโขงเปลี่ยนไป อาจทำให้เสน่ห์การนั่งเรือท่องเที่ยวแม่น้ำโขงนี้สูญเสียไป นักท่องเที่ยวคงลดลง และไม่แน่ใจว่าเมื่อนักท่องเที่ยวลดลงจะทำให้การบริการเรือเพื่อการท่องเที่ยวนั้นหยุดให้บริการไปเลยหรือไม่ เมื่อหยุดให้บริการก็จะทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวนั้นหายไปเลย

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในวันที่ 5 ตุลาคม 2566 คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong River Commission-MRC) จะจัดเวทีประชุมหารือผู้มีส่วนได้เสียระดับภูมิภาค (Regional Stakeholders Forum) ครั้งที่ 13 ณ โรงแรมพูลแมนหลวงพระบาง เมืองหลวงพระบาง โดยในเอกสารระบุว่ามีแนวคิดหลักของการประชุมว่าการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อความโปร่งใสและความเชื่อถือ (Data Sharing for Transparency and Trust) การประชุมคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมจาก 4 ประเทศสมาชิก ได้แก่ ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม พร้อมทั้งประเทศคู่เจรจาคือ จีนและพม่า ประเทศหุ้นส่วนการพัฒนา (ผู้บริจาค) และตัวแทนภาคประชาสังคมและชุมชน

เว็บไซต์ของ MRC ได้เผยแพร่สไลด์เอกสารสำคัญๆ ที่ใช้ในการประชุมหลายชิ้น อาทิ 1 ผลการศึกษาร่วมระหว่าง MRC และจีน LMC Water Center เรื่องการเปลี่ยนแปลงรูปแบบเงื่อนไขการไหลของน้ำลุ่มน้ำล้านช้างแม่น้ำโขงและยุทธศาสตร์การปรับตัว 2 รายงานสภาวะลุ่มน้ำโขงประจำปี 2023 State of the Basin Report 3 ผลเบื้องต้นจากการศึกษาเขื่อนไซยะบุรี เรื่องการติดตามตะกอนและปลา 4 แผนปฏิบัติการร่วมโครงการเขื่อนหลวงพระบาง 5 รายงานผลกระทบต่อมรดกโลกกรณีเขื่อนหลวงพระบาง 6 สถานภาพกระบวนการปรึกษาหารือและแจ้งล่วงหน้า (PNPCA) โครงการเขื่อนภูงอย เขื่อนสานะคาม และเขื่อนดอนสะโฮง (ส่วนขยาย) เป็นต้น

เอกสารสรุปผลการศึกษาร่วมระหว่าง MRC และจีน LMC มีเนื้อหาระบุว่าเป็นการศึกษาระยะที่ 1 มีข้อค้นพบสำคัญหนึ่งว่าแม่น้ำโขงมีปริมาณการไหลของน้ำในแม่น้ำโขงต่อปีลดลงในช่วงปี 2010-2020 น่าจะเป็นเพราะสภาพภูมิอากาศที่แห้งลง และมีผลจากการกักเก็บน้ำและการดึงน้ำออกไปจากลุ่มน้ำโขง สำหรับรูปแบบการขึ้นลงของน้ำตามฤดูกาลยังคงมีอยู่แต่พบว่าในฤดูแล้งมีน้ำเพิ่มขึ้น และในฤดูฝนกลับมีน้ำลดลงเนื่องจากการพัฒนาในลุ่มน้ำ และผลต่อการไหลเข้าสู่ทะเลสาบเขมรที่มีระดับน้ำและระยะเวลาท่วมลดลง ทั้งนี้การศึกษาร่วมดังกล่าวได้มีการลงพื้นที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เพื่อเก็บข้อมูลภาคสนามและพบหน่วยงานและชุมชน และได้เดินทางไปเยี่ยมชมห้องควบคุมแม่น้ำล้านช้างของบริษัทหัวนึง (รัฐวิสาหกิจจีนที่ได้สิทธิพัฒนาแม่น้ำโขงตอนบน) ที่เมืองคุณหมิง ลงพื้นที่เขื่อนนั่วจาตู้ ในมณฑลยูนนานของจีน ซึ่งเป็นเขื่อนแห่งที่ 5 บนแม่น้ำโขงและมีการกักเก็บน้ำมากที่สุด การศึกษาดังกล่าวมีข้อเสนอให้ประสานความร่วมมือในการแจ้งเตือนอย่างมีประสิทธิภาพเกี่ยวกับการระบายน้ำและการกักเก็บน้ำจากเขื่อน (effective notification of storage release)

On Key

Related Posts