Search

ชาวพม่าแห่ทำงานในจีน ถูกเรียกค่าผ่านแดนสูงลิ่ว

ภาพจาก The Irrawaddy

สำนักข่าว Irrawaddy รายงานเมื่อวันที่  6 ตุลาคม 2566 ว่า ชาวพม่าหวังเดินทางเข้าจีนหางานทำยังมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด ตัวเลขชาวพม่าจากทางภาคกลาง โดยเฉพาะจากเขตมะกวยและเขตสะกาย มายังเมืองหมู่เจ้ ทางเหนือของรัฐฉาน ซึ่งเป็นเมืองชายแดนติดกับประเทศจีนยังสูงถึงวัน 1 พันคน และมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้น แม้ตลอดในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านเมืองหมู่เจ้ จะเผชิญกับเหตุการณ์สู้รบระหว่างกองทัพพม่าและกองกำลังปะหล่อง TNLA ก็ตาม โดยแรงงานจากพม่าเหล่านี้พยายามจะไปหางานทำตามร้านอาหาร โรงงาน ในไร่และตามไซต์ก่อสร้าง หรือแม้แต่ในเขตชนบทของมณฑลยูนนาน

“พวกเราทั้งหมดนอนบนถนนในช่วงเวลากลางคืน พวกเรากลัวเหลือเกินว่า จะมีระเบิดตกลงมา หรือพวกเราอาจจะถูกข่มขืน” มะนวย วัย 28 ปี และหญิงสาวอีกหลายคนจากเมืองเพ้าก์ เขตมะกวยให้สัมภาษณ์ โดยเธอและเด็กสาวคนอื่นๆต้องการไปหางานทำในจีน แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่ได้รับบัตรผ่านแดนชั่วคราว ซึ่งเอกสารดังกล่าวมีอายุเพียง 7 วัน และออกให้สำหรับชาวพม่าที่ต้องการท่องเที่ยวในจีน อย่างไรก็ตาม เอกสารดังกล่าวกลายเป็นเอกสารเป็นที่ต้องการของชาวพม่า เพื่อนำไปใช้ในการข้ามแดนไปยังประเทศจีนในการเป็นแรงงานรับจ้าง

มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองฝั่งพม่านั้นใช้วิธีการเรียกเงินและติดสินบนเพื่อออกบัตรผ่านข้ามแดนให้กับประชาชนชาวพม่า โดยต้องจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่อย่างน้อยคนละ 200,000 จั้ต (ประมาณ 3,500 บาท) และถึงแม้จะมีบัตรผ่านแดนแล้ว แต่หากยังไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถข้ามไปยังฝั่งจีนได้ นอกจากบัตรผ่านแดนจะมีราคาที่ต้องจ่ายสูงขึ้นแล้ว หนังสือเดินทางผ่านชายแดนพม่า – จีน (Myanmar–China Border Pass (BP)หรือที่รู้จักในชื่อ หนังสือเดินทางเล่มแดง ซึ่งออกให้กับชาวเมืองน้ำคำและชาวเมืองหมู่เจ้เท่านั้นที่ต้องการไปทำงานในฝั่งจีนเป็นเวลา 1 ปี ก็ยิ่งมีราคาที่สูงขึ้นเช่นเดียวกัน  โดยมีราคาสูงถึง 3.5 ล้านจั้ต (ประมาณ 61,500 บาท)

ก่อนหน้ารัฐประหารนั้น นายจ้างชาวจีนจะให้กับรับรองแรงงานชาวพม่ากับทางการ และอำนวยความสะดวกให้แรงงานพม่าสามารถทำงานในจีนได้ แต่ขณะนี้ไม่มีการรับรองจากนายจ้างจีนแต่อย่างใด

นายโก่ทุนทุน จากหมู่บ้านใกล้กับเมืองมงหย่า เขตสะกาย ที่เป็นคนหนึ่งที่ต้องการไปหางานทำในจีน ก่อนหน้านั้นเขาเปิดร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ของตัวเอง แต่หลังจากที่กองทัพพม่าเผาทำลายหมู่บ้านของเขาเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้เขาต้องย้ายไปอยู่ที่เมืองมงหย่าเป็นเวลาหลายเดือน ก่อนที่จะตัดสินใจมาหางานที่ประเทศจีน ซึ่งเขาระบุว่า เป็นทางเลือกที่ง่ายที่สุดสำหรับเขา

“ถ้าผมเลือกที่จะไปหางานทำที่ญี่ปุ่นหรือเกาหลี คงใช้เวลานาน และผมต้องเรียนภาษาด้วย นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ดังนั้นผมจึงตัดสินใจไปจีนโดยหวังว่าจะได้งานที่โรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ที่นั่น” เขากล่าว ทั้งนี้ แม้นายโก่ทุนทุน จะได้รับบัตรผ่านแดนแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าจีน และรอมาเป็นเวลา 1 อาทิตย์แล้ว 

มีรายงานด้วยอีกว่า ชาวเมืองหมู่เจ้พยายามนำอาหารและน้ำดื่มไปให้กับชาวพม่าจำนวนมากที่รอตรงประตูตรงชายแดน แต่จำนวนผู้ที่จะเดินทางไปยังจีนก็ยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน เหตุสู้รบระหว่างกองทัพพม่าและทหารปะหล่อง TNLA ที่รุนแรงขึ้น ยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่มุ่งหน้าไปยังประเทศจีน 

On Key

Related Posts

ผวจ.เชียงรายยังไม่รู้เรื่องน้ำกกขุ่นข้น-เตรียมสั่งการทสจ.ตรวจคุณภาพน้ำ คนขับเรือเผยน้ำขุ่นต่อเนื่องตั้งแต่อุทกภัยใหญ่ 6 เดือนก่อน ผู้เชี่ยวชาญชี้ดินโคลนจากเหมืองทองเสี่ยงสารปรอทปนเปื้อน ระบุการตรวจสอบต้องทำให้ถูกวิธี เก็บตัวอย่างตะกอนดิน-ปลานักล่า

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่Read More →

กรมควบคุมมลพิษลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำกก-ตรวจสารไซยาไนด์เหมืองทอง คาดรู้ผลภายใน 1 เดือน นักวิชาการเผยทหารว้าจับมือจีนแผ่อิทธิพลถึงชายแดนไทยใช้กลยุทธ์คุมต้นน้ำ-สร้างเหมืองกระทบไทย

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2568 นายชัยวัฒน์ ปันสิน ผู้อRead More →

ผู้ตรวจการแผ่นดินหวั่นโครงการสร้างเขื่อนใหญ่กั้นโขงส่งผลกระทบเขตแดนไทย แนะสร้างกลไกหารือร่วมกับภาคประชาชน กรมสนธิสัญญาอ้างยังตรวจสอบไม่แล้วเสร็จ ภาคประชาชนจวก สนทช.งุบงิบข้อมูลจัดประชุมกรณีเขื่อนสานะคามแล้ว 4 ครั้ง

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมRead More →