เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กรุงเทพมหานคร กลุ่มแรงงานข้ามชาติในประเทศไทยในนาม“Bright Future” ได้จัดการรณรงค์เนื่องในวัน “วันงานที่มีคุณค่า” (World Day for Decent Work) โดยเดินขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไปยังหน้าอาคารองค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็น) ถนนราชดำเนินเพื่อยื่นหนังสือต่อผู้แทนยูเอ็น
หนังสือระบุว่า ตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา คนเมียนมาได้ร่วมกันต่อต้านรัฐประหารทั้งด้วยสันติวิธีและการประท้วงนัดหยุด งานทั่วประเทศ จนกระทั่งรัฐบาลทหาร พล.อ.มินอ่องหลายเริ่มทำการปราบปรามประชาชนอย่างรุนแรง ทำให้นักต่อสู้บางส่วนต้องพลัดถิ่นไปทำงานหาเลี้ยงชีพในต่างแดน ถึงวันนี้รัฐบาลทหารพม่าได้คุมขัง นักโทษการเมืองกว่า 25,000 คน ใช้อาวุธปืนไปจนถึงการทิ้งระเบิดจากเครื่องบินรบ เข่นฆ่าประชาชนไปแล้วอย่างน้อย 4,100 คน และก่อให้ต้องมีผู้ลี้ภัยอีกนับไม่ถ้วน
หนังสือระบุว่า ในวันที่ 4 ตุลาคม 2023 องค์การแรงงานระหว่างประเทศ หรือ ไอแอลโอ ได้ทำการตรวจสอบรัฐบาลทหารของเมียนมาพบว่า มีการดำเนินการที่ละเมิดสิทธิสหภาพแรงงานจริง ด้วยการขัดขวางกิจกรรมของสหภาพแรงงาน การทำลายสหภาพแรงงานและการใช้แรงงานทาส ซึ่งล้วนขัดต่ออนุสัญญาไอแอลโอ ฉบับที่ 87 ว่าด้วยการรวมกลุ่มโดยเสรี และฉบับที่ 29 ว่าด้วยการบังคับให้ทำงาน
“พวกเรากลุ่ม Bright Future ซึ่งเป็นแรงงานข้ามชาติชาวเมียนมาในประเทศไทย จึงขอแสดงเจตนารมณ์ เพื่อสนับสนุนสิทธิของสหภาพแรงงานและพี่น้องแรงงานในไทย ไม่ให้ต้องตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ดังเช่นแรงงานเมียนมาภายใต้เผด็จการมินอ่องหลาย คือ 1.ขอให้รัฐบาลไทยเร่งรับรองอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 87 และ 98 เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้ใช้แรงงานในประเทศไทยทุกคนในการจัดตั้งและเข้าร่วมสหภาพแรงงาน 2.ขอให้กรมจัดหางานไทยเร่งแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ด้วยการทำสัญญาจ้างแบบรัฐต่อรัฐ ยกเลิกระบบนายหน้าเอกชน ทำระบบบริการของรัฐให้เข้าถึงได้จริงแบบที่เดียวจบ หรือ One-Stop-Service 3.ขอให้สภานิติบัญญัติไทยผ่านกฎหมายคุ้มครองแรงงานซึ่งจะขยายสิทธิแรงงาน อาทิ การกำหนดชั่วโมงทำงานให้ไม่เกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์”หนังสือระบุ
ขณะที่ นายสุรัช กีรี นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิแรงงานชาวพม่าในไทย กล่าวว่า เราต้องการผลักดันอนุสัญญาไอแอลโอ ร่วมกับสหภาพคนทำงานในไทยให้เราสามารถจัดตั้งสหภาพคนทำงานและรวมกลุ่มกันได้ เพื่อมีอำนาจการต่อรองและได้แสดงออกถึงสิทธิเสรีภาพได้อย่างเต็มที่เพราะสถานการณ์ปัจจุบันมีความรุนแรงหนักขึ้น แรงงานชาวพม่าในไทยอยู่ในสภาวะที่ยากลำบากเข้าไม่ถึงสิทธิเสรีภาพและถูกกีดกันการเข้าถึงสิทธิสวัสดิการหลายด้าน
“แรงงานชาวพม่าไม่น้อยกว่า 5 ราย ไม่สามารถดำเนินการทำหนังสือเดินทางที่สถานทูตพม่าในไทยได้ เนื่องจากบางรายเข้ามาร่วมชุมนุมเกี่ยวกับการเมือง ทางสถานทูตได้แจ้งว่าไม่สามารถต่อหนังสือเดินทางให้ได้ ต้องเดินทางไปต่อที่พม่า ซึ่งเรามีความกังวลในเรื่องความปลอดภัยว่าจะถูกส่งตัวกลับพม่า” นายสุรัชกล่าว
นายเดโม แรงงานชาวพม่าในไทย กล่าวว่า ตนทำงานเป็นพนักงานบริการในร้านอาหารแห่งหนึ่งในกรุงเทพ แม้จะมีเอกสารทำงานในไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่หลายครั้งก็โดนกดขี่การใช้แรงงาน เวลาทำงานบางครั้งลูกค้าให้ทิปเป็นค่าตอบแทน แต่โดนเพ่งเล็งจากนายจ้างและเข้าใจผิดว่าเราไปเรียกร้องของทริปจากลูกค้า โดยแสดงความไม่พอใจ ตำหนิ ดุด่า ว่าร้าย โดนหักค่าแรง แต่เราจำเป็นที่จะต้องทำงานต่อไปเพราะเราไม่มีทางเลือกอื่น
“ก่อนหน้านี้เราไม่รู้จักด้วยซ้ำไปว่าสวัสดิการคืออะไร เพราะเราจมอยู่กับการทำงานมาโดยตลอด พึ่งมาเข้าใจตอนมีการรวมกลุ่มกับเพื่อนแรงงานพม่าและได้เรียนรู้ว่าเราต่างก็ควรที่จะมีสิทธิในการเข้าถึงสวัสดิการต่างๆ เพราะเราก็คือคนทำงาน และเห็นถึงความสำคัญของการรวมกลุ่มจึงร่วมออกมารณรงค์ เพื่อผลักดันให้นายจ้างปฏิบัติต่อแรงงานชาวพม่าเช่นเดียวกันกับคนอื่น” นายเดโม กล่าว







