เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2566 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) ลงพื้นที่ตรวจสอบผลกระทบข้ามแดนจากโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสานะคาม และโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนปากชม/ผามอง บริเวณพรมแดนแดนไทย-ลาว ช่วงอ.เชียงคาน ถึง อ.ปากชม จ.เลย ตามข้อร้องคณะทำงานติดตามความรับผิดชอบการลงทุนข้ามพรมแดน(ETO) โดยมีคณะสื่อมวลชนส่วนกลางติดตามการลงพื้นที่ครั้งนี้
ในช่วงเช้า กสม. เดินทางไปที่บ้านคกเว้า ต.หาดคัมภีร์ อ.ปากชม จ.เลย เพื่อรับฟังข้อมูลจากชาวบ้านที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างเขื่อนปากชม ที่มีกำลังผลิตไฟฟ้า 1,079 เมกะวัตต์ ซึ่งจะสร้างแนวเขื่อนปิดกั้นแม่น้ำโขงที่บ้านคกเว้า
นางธนภร อุปรีที ชาวบ้านปากมั่ง ต.หาดคัมภีร์ อ.ปากชม จ.เลย กล่าวว่า ชาวบ้านหลายหมู่บ้านจะได้รับผลกระทบจากเขื่อนปากชม เพราะระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นจะทำให้หมู่บ้านในพื้นที่ต่ำและพื้นที่เกษตรริมน้ำโขงต้องถูกน้ำท่วม กระทบต่อวิถีประมงพื้นบ้าน โดยข้อมูลต่าง ๆ หน่วยงานรัฐไม่เคยลงมาให้ข้อมูล ชาวบ้านต้องติดตามเรื่องเขื่อนจากข่าวในสื่อต่าง ๆ
“หากสร้างเขื่อนปากชมระดับน้ำจะเปลี่ยนแปลง บุ่ง ลวง ที่เป็นแหล่งอาศัยของปลาในน้ำโขงจะหายไป เพราะทุกวันนี้ได้รับผลกระทบจากเขื่อนไซยะบุรีในลาว ทำให้น้ำท่วมแก่งที่ปลาผ่าน ทำให้ปลาคังที่เคยจับได้ตัวละ 60-70 กิโลกรัมหายไป ปลาบึกก็หายไปนานแล้ว ต้นไคร้ที่เกิดตามหาหินถูกน้ำท่วม กลายเป็นดอกเราและไมยราบยักษ์ พันธุ์ปลาจึงหายไป” นางธนภร กล่าว
จากนั้นช่วงบ่ายคณะเดินทางไปสำรวจบริเวณจุดบรรจบแม่น้ำเหืองกับแม่น้ำโขง ที่เป็นพรมแดนไทย-ลาว ห่างจากแนวก่อสร้างเขื่อนสารคามที่อยู่ในเขตลาว 1.5 กิโลเมตร
นายไพศาล สอนเสียง ผู้ใหญ่บ้านท่าดีหมี ต.ปากตม อ.เชียงคาน จ.เลย กล่าวว่า บ้านท่าดีหมีจะเป็นหมู่บ้านแรกที่ได้รับผลกระทบจากเขื่อนสานะคาม เพราะเป็นหมู่บ้านที่อยู่หน้าสันเขื่อน หากมีการปล่อยน้ำเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าจะทำให้กระแสน้ำเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นลดลงประมาณ 4 เมตรภายใน 1 วัน ดินตลิ่งของแม่น้ำเหืองจะถูกกัดเซาะ ผืนดินจะทรุดตัว เพราะตอนนี้ผลกระทบจากเขื่อนไซยะบุรีในลาวตลอด 5 ปี ทำให้น้ำท่วมในหน้าแล้ง ชาวบ้านไม่สามารถทำการเกษตรริมน้ำได้ ฤดูฝนน้ำก็หลากท่วมไร่นาหนักจนเกือบถึงหมู่บ้านอยู่แล้ว หากมีเขื่อนสานะคามก็จะต้องกระทบชุมชนที่มีชาวบ้าน 1,099 คน และพื้นที่ทำกินกว่า 4,000 ไร่
ในช่วงเย็นคณะเดินทางไปเก็บข้อมูลบริเวณจุดก่อสร้างประตูน้ำศรีสองรัก ที่กั้นปากแม่น้ำเลยก่อนออกสู่แม่น้ำโขง ที่เป็นจุดผันน้ำเข้าสู่โครงการผันน้ำโขงเลยชีมูน
นายชาญณรงค์ วงศ์ลา กลุ่มรักษ์เชียงคาน กล่าวว่า ก่อนมีการสร้างเขื่อนไซยะบุรีในลาวห่างออกไปกว่า 200กิโลเมตร แม่น้ำโขงในบริเวณอำเภอเชียงคานเคยมีการสำรวจพบพันธุ์ปลากว่า 130 ชนิด แต่ตอนนี้ชาวบ้านพบปลาเพียง 30 ชนิด หากมีเขื่อนสานะคาม ย่อมกระทบต่อพันธุ์ปลาอย่างเลี่ยงไม่ได้ อาจมีปลาที่สูญพันธุ์ไปอีกกว่า 10 ชนิด เพราะปลาน้ำโขงเป็นที่ปลาอพยพ บางชนิดอพยพช่วงน้ำหลาก ปลาโจก หรือจำพวกตะเพียน ที่จะอพยพขึ้นเหนือไม่สามารถผ่านบันไดปลาของเขื่อนไซยะบุรี เพราะพบปลาเหล่านั้นกลับมาที่เชียงคาน รวมทั้งปลาแค้ที่จับได้ตัวเล็กและจำนวนน้อยลง
สำหรับในวันพรุ่งนี้ (12 ต.ค.) เวลา 09.00 น. ที่ว่าการอำเภอเชียงคาน จ.เลย จะมีการจัดเวทีรับฟังข้อเท็จจริงความคืบหน้าเกี่ยวกับข้อกังวลผลกระทบข้ามพรมแดน กรณีโครงการเขื่อนสานะคาม ที่หอประชุมอำเภอเชียงคาน โดยมีตัวแทนชาวบ้านและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ, กรมทรัพยากรน้ำ, กรมประมง, กรมสนธิสัญญาระหว่างประเทศ และตัวแทนชาวบ้านจากอำเภอเชียงคานและปากชม จ.เลยและอำเภอสังคม จ.หนองคาย