สำนักข่าวชายขอบ
Transborder News

ศ.ปิ่นแก้วชี้สร้างสะพานข้ามโขงเชียงแสน-เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำช่วยฟอกขาวธุรกิจสีเทา จวกนักการเมืองไทยการันตีคิงส์โรมันส์ แฉเชื่อมโยง KK Park แหล่งอาชญากรรมใหญ่ตรงข้ามแม่สอด “ครูตี๋”กระทุ้งรัฐคิดให้รอบคอบ

เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2566 ศ.ดร.ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี นักวิชาการจากคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งมีผลงานวิจัยและเขียนหนังสือเจาะลึกเกี่ยวกับการลงทุนด้านคาสิโนและเขตเศรษฐกิจพิเศษของทุนจีนบริเวณสามเหลี่ยมทองคำชายแดนไทย-ลาว ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่หอการค้าจังหวัดเชียงรายและนักการเมืองไทยกลุ่มหนึ่งพยายามผลักดันการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงไทย-ลาวด้านอำเภอเชียงแสน จ.เชียงราย เพื่อข้ามไปยังฝั่งคิงส์โรมันส์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำของจ้าว เหว่ย นักลงทุนจากจีนซึ่งอยู่ในบัญชีดำของทางการสหรัฐอเมริกา ว่าจริงๆแล้วเจ้าเหว่ยอยากทำมาตั้งนานแล้ว เขาบอกว่าจะทำเป็นรูปสะพานตัวอักษรเหยิน (ในภาษาจีนแปลว่าคน เชื่อม 3 ประเทศ)

ศ.ดร.ปิ่นแก้ว กล่าวว่า กรณีเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำนั้นเชื่อมโยงกับอาชญากรรมฝั่งแม่สอดแน่นอนเพราะตอนนี้ทำวิจัยทางฝั่งแม่สอดอยู่ ผู้ช่วยนักวิจัยได้ไปสัมภาษณ์เหยื่อที่ที่ขอความช่วยเหลือ โดยมีเหยื่อจำนวนไม่น้อยเป็นคนจีนที่หนีออกมาซึ่งเขาระบุชัดว่ามีนายหน้าหลอกให้มาทำงานในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำโดยถูกบังคับให้ทำพวกโรแมนซ์สแกม (Romance Scam-หลอกลวงหาคู่) ทำแล้วรู้สึกว่าไม่ชอบและต้องการกลับ แต่พอแจ้งนายหน้าให้ส่งกลับ ปรากฏว่านายหน้าขายเขาต่อมาที่แม่สอด ข้อมูลที่ทราบมาคือ KK Park ที่อยู่ตรงข้าม อ.แม่สอด เลยจากเขตเศรษฐกิจพิเศษชเวโก๊กโก่ ซึ่งใหญ่มาก ใหญ่กว่า ชเวโก๊กโก่ โดยมีคนอยู่ประมาณ 200,000 คน บริเวณนี้เป็นแก๊งอาชกรรม และเป็นเมืองที่เข้าไม่ได้เลย ขณะที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชเว โก๊กโก่ อย่างน้อยยังทำคาสิโน เปิดให้นักพนันเข้าไปเล่นได้แต่กรณี KK Park ไม่เปิดให้คนนอกเข้าเลย และเป็นแหล่งอาชญากรรม 100 %

นักวิชการผู้เจาะลึกเรื่องเขตเศรษฐกินเมืองชายแดนผู้นี้ระบุว่า 1 ในตึก KK Park คือ KK4 เท่าที่ทราบเป็นกิจกรรมร่วมทุนของคิงส์โรมันส์ (Kings Romans) ก็คือทางจ้าวเหว่ยไปซื้อและลงทุน คาดว่าที่ไปซื้อตึกนั้น เพราะที่นั่นมีแต่แก๊งคอลเซนเตอร์ และมีความเชื่อมโยงกันอยู่แล้ว

“สิ่งที่น่าเป็นห่วงเมื่อปี 2565 ตัวแทนรัฐบาลไทย คุณสุชาติ ตันเจริญ อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ไปร่วมงานดอกงิ้วคำบ้าง ไปร่วมงานเลี้ยงบ้าง แล้วพูดว่าเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำไม่มีแหล่งอาชญากรรม พูดได้อย่างไร เพราะจ้าวเหว่ยและพรรคพวกถูกขึ้นบัญชีดำโดยสหรัฐอเมริกา เรื่องนี้เขารู้กันทั่วโลก หากไม่มีหลักฐาน ไม่มีทางเลยที่เรื่องนี้จะออกมา ถ้าไม่มีหลักฐานที่แน่นอนเป็นไปไม่ได้ที่สหรัฐอเมริกาจะขึ้นบัญชีดำ ที่แน่ ๆ คือมีการป้องกันการทำธุรกรรมกับกลุ่มนี้ เพราะว่ามันเปิดโอกาสให้เกิดการฟอกเงินได้”ศ.ดร.ปิ่นแก้ว กล่าว

อาจารย์คณะสังคมศาสตร์กล่าวว่า ความพยายามจะทำเศรษฐกิจร่วมกันระหว่าง PP Park กับทางเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำเป็นเรื่องที่อันตรายมากเพราะให้ความชอบธรรมต่อกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม  ปัจจุบันเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ถูกขายจากเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำไปโผล่ที่ฝั่งตรงกันข้ามกับ อ.แม่สอด จะถูกส่งทางเรือไปทางท่าขี้เหล็กก่อนแล้วไปแม่สอด แต่อนาคตถ้ามีถนนหรือสะพานมันเร็วกว่าอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่การค้ามนุษย์ สิ่งที่คุณชูวิทย์ (กมลวิศิษฎ์) ออกมาพูดก่อนหน้านี้เป็นเรื่องที่ควรนำมาพิจารณา

“สิ่งที่สงสัยคือว่าเขาแจ้งว่าจะลงทุนสร้างสะพานเองทั้งหมดเลย เขาทำกิจการอะไรหรือ ทำไมถึงมีเงินมหาศาลขนาดนั้น เราก็เคยเข้าไปลงพื้นที่ในคิงส์โรมันส์ ก็เห็นอยู่ว่าเป็นเขตเมืองท่องเที่ยว แต่กิจกรรมการท่องเที่ยวไม่สามารถสะสมทุนได้ขนาดนั้นเลย เป็นแสนล้าน เป็นไปไม่ได้ โดย common sense ย่อมบอกว่ามันผิดปกติแล้ว”ศ.ดร.ปิ่นแก้ว กล่าว 

ผู้เขียนหนังสือทุนนิยมคาสิโนเขตเศรษฐกิจพิเศษจีนฯระบุว่าก่อนหน้านี้ได้มีการตั้งไตรภาคีขึ้นตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมาโดยเป็นความร่วมมือของ 3 ฝ่ายคือพม่า ไทย จีน เดิมเขาอยากจะไป station (ตั้งสถานี) ที่เมืองเมียวดี แต่พม่าบอกยังไม่พร้อม จึงมาตั้งอยู่ที่ อ.แม่สอด แล้วปฏิบัติการอยู่ 3 เดือน โดยมีวาระสำคัญ 3 เรื่องที่จีนเสนอให้ทำคือ 1.ตัดไฟฟ้า 2.ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต 3.จับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง โดยทางการจีนคิดว่าประสบความสำเร็จระดับหนึ่งเพราะสามารถตัดไฟตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตได้ แต่ในความเป็นจริงไม่ได้ผลเลย เพราะในพื้นที่เรายังเห็นไฟฟ้าสว่างไสวตอนกลางคืน เพราะมีเครื่องปั่นไฟฟ้าที่เตรียมการไว้ก่อนแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมานโยบายของรัฐไทยเหมือนกับว่าหลับตาไปข้างหนึ่ง ถ้ารัฐบาลเอาจริงเอาจังจะสามารถสกัดกั้นการเติบใหญ่ของกลุ่มธุรกิจสีเทาเหล่านี้ได้หรือไม่ ศ.ดร.ปิ่นแก้ว กล่าวว่าทำได้อยู่แล้ว เมื่อตำรวจจีนเข้ามา เขาก็มีลิสต์รายชื่อผู้ต้องหา-ผู้ต้องสงสัย 400- 500 คน มีหมายเลขพาสปอร์ต มีข้อมูลที่จำเป็นอยู่แล้ว เขาให้กับทางตำรวจไทยและตำรวจพม่าไป เพื่อที่จะจับกุม คนเหล่านี้อย่างไรเขาก็ต้องข้ามแดน ขณะเดียวกันการที่มีคนไทยไปทำงานให้กับบริษัทจีนเทาเหล่านี้จำนวนมาก สะท้อนว่าประเทศไทยเป็นพื้นที่ผ่าน (transit) อยู่แล้ว เป็นพื้นที่ที่เขาต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัฐ และทำธุรกรรมกับธนาคาร จะอย่างไรเขาก็ต้องข้ามแดนมาทางฝั่งแม่สอด ถ้ารัฐไทยจะเอาจริง รายชื่อ 400-500 คน ถ้าจะตามหาตัวนั้นไม่ยากขึ้นอยู่กับรัฐไทยว่าจะเอาจริงแค่ไหน

“ย้อนกลับไปที่จ้าวเหว่ย การสร้างสะพานจะเป็นตัวฟอกกิจการของเขา จะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม แต่นักการเมืองฝั่งไทยได้ไปช่วยเขาฟอก การออกมา defend ว่าในเขตเศรษฐกิจพิเศษของจ้าวเหว่ยไม่มีอาชญากรรมเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เป็นเรื่องตลก ใครเขาจะโชว์คุณล่ะเวลาคุณไปงานเขา ใครเขาจะบอกว่าตึกนี้เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นไปไม่ได้ ใน Radio Free Asia มีรายงานตั้งแต่ปีก่อนๆ คือมีข่าวเรื่องคนลาวหนีออกมา แล้วก็มีเรื่องช่วยคนอินเดีย ช่วยคนชาตินั้นชาตินี้ เขาพูดตรงกันทั้งนั้นว่าหนีออกมาจากเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ออกมาเขาก็โทรศัพท์บอกตำรวจลาวด้วย แต่ตำรวจลาวบอกว่าเข้าไปไม่ได้ ให้พยายามหนีออกมา ให้มาถึงตรงรั้วแล้วตำรวจจะพยามไปรับช่วยต่อ คุณไปอยู่ไหนมา คุณไม่ได้อ่านข่าวพวกนี้หรอกหรือ แล้วยังไปช่วยเขาฟอกขาวอีก มันตลกมาก” ศ.ดร.ปิ่นแก้ว กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดว่าหน่วยงานที่เป็นด้านความมั่นคงของไทยรู้ข้อมูลเหล่านี้หรือไม่ ศ.ดร.ปิ่นแก้ว กล่าวว่ามีข้อมูลและรู้อยู่แล้ว  ต้องถามว่ารัฐไทยเอาจริงหรือไม่ ถ้าจะเอาจริงไม่ยาก ตอนนี้มีองค์กรเกิดขึ้นแล้วก็คือไตรภาคีของตำรวจ 3 ประเทศ ตอนนี้ขยายเป็น 4 ประเทศ

“คุณกำลังจะสร้างสะพาน ถ้าไทยเอากับเขาด้วย มันแสดงถึงความขัดกันในทางนโยบายชัดเจน คือหลักๆเลยตำรวจรู้อยู่แล้ว ฝ่ายความมั่นคงรู้อยู่แล้วว่าศูนย์กลางของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ไหนบ้างในภูมิภาค เรารู้อยู่แล้ว ดังนั้นถ้าจะจัดการให้พื้นที่ที่มันเป็นจุดที่มีการเคลื่อนย้าย โครงการอะไรที่มันจะเอื้ออำนวยให้เกิดการไหลเวียนสิ่งผิดกฎหมายมาให้เหล่านี้ ควรที่จะต้องถูกพิจารณาอย่างละเอียด หรือไม่ อย่างไร”ศ.ดร.ปิ่นแก้ว กล่าว

(อ่านสัมภาษณ์พิเศษ ศ.ดร.ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี ฉบับเต็ม ได้ที่ https://transbordernews.in.th/home/?p=35975 )

นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ กล่าวว่า การสร้างสะพานเพื่อการไปมาหาสู่กันระหว่างประเทศเป็นเรื่องที่ดี แต่สำหรับสะพานการเชื่อมพื้นที่เชียงแสนกับเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำไม่ใช่สะพานปกติ เพราะมีเสียงข้อครหาในธุรกิจสีเทาเป็นเรื่องที่ยังมีความเสี่ยงสูง จะได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์เป็นเรื่องที่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องพิจารณาให้ละเอียดรอบด้าน การเอาประโยชน์เรื่องเม็ดเงินเรื่องเศรษฐกิจเป็นตัวล่อ จนส่งผลเสียหายมากขึ้น เมื่อสะพานที่นำเสนอจะเป็นการลงทุนของนักลงทุนจีนประโยชน์ที่ออกแบบเพื่อให้เกิดขึ้นก็ต้องเป็นการกำหนดเป็นประโยชน์ทางเขา

“เขาต้องการให้คนมาเที่ยวในเขตเศรษฐกิจพิเศษ มาที่คาสิโนคิงส์โรมันส์ ดังนั้นหากจะพูดถึงเรื่องสะพานที่เชื่อมโยงการไปมาหาสู่ของ 2 ประเทศ ปัจจุบันเรามีสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 (เชียงของ-ห้วยทราย) อยู่แล้วที่จะทำให้เกิดการเดินทางไปมาหาสู่กัน การขนส่งสินค้า เชื่อมเส้นทางท่องเที่ยว มาศึกษาทบทวนสะพานแห่งนี้ สร้างมาครบ 10 ปีแล้วยังประโยชน์อะไรให้คนสองฝั่งบ้าง มาพัฒนาให้เต็มศักยภาพเพื่อหลายฝ่าย เช่น ในเชิงพื้นที่ชุมชน ทำไมไม่ให้สามารถเป็นจุดท่องเที่ยวเหมือนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 หนองคาย – เวียงจันทน์ ที่สามารถเดินขึ้นไปชมทิวทัศน์ที่สะพานได้ และทำให้เกิดความสะดวกในการเดินทางสำหรับคนท้องถิ่นเหมือนสะพานอื่นๆ เป็นต้น” นายนิวัฒน์ กล่าว

On Key

Related Posts

กลุ่มติดตามสันติภาพพม่าเผยข้อมูลล่าสุดฝ่ายต่อต้าน SAC ยึดครองพื้นที่ได้ 55 เมืองทั่วประเทศ ขณะที่ญี่ปุ่นเชิญ 4 กองกำลังร่วมแสดงจุดยืน

วันที่ 17 พฤษภาคม 2567 กลุ่มติดตามสันติภาพพม่า BNIRead More →