เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2566 นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศ แจ้งว่ากระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจากนายมงคล วิศิษฎ์สตัมภ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง ว่าได้ประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศเมียนมา สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองประจำเมืองเล้าก์ก่าย รัฐฉาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของเมียนมาอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด เพื่อให้ความช่วยเหลือคนไทย ทั้งในส่วนที่หนีออกมาได้และพักในที่ปลอดภัยแล้ว ตลอดจนคนที่อยู่ระหว่างการหลบหนี อีกทั้งกำลังตรวจสอบจำนวนและรายชื่อของคนไทยที่อาจตกเป็นเหยื่อเพิ่มเติมในกรณีดังกล่าว เพื่อแจ้งทางการเมียนมาให้เข้าไปช่วยเหลืออย่างรีบด่วนต่อไป โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองประจำเมืองเล้าก์ก่ายพร้อมให้การช่วยเหลือและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง สถานเอกอัครราชทูตฯ ให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพของคนไทยเป็นอันดับต้น และได้แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมว่า กระบวนการต่าง ๆ ต้องใช้เวลาก่อนที่จะได้รับอนุมัติจากทางการเมียนมาให้ส่งตัวคนไทยที่ตกเป็นเหยื่อกลับประเทศไทยได้ ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตฯ พร้อมดำเนินการโดยเร็วที่สุดและได้ประสานงานกับกรมการกงสุลในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดด้วย
ขณะที่สำนักข่าว The Reporters ได้จัดเวทีไลฟ์ ในหัวข้อ “แหล่งอาชญากรรมในประเทศเพื่อนบ้าน และความช่วยเหลือเร่งด่วน” โดยวิทยากรประกอบด้วย นางปรีดา คงแป้น กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) พ.ต.ต.สิริวิชญ์ ชาญเตชะสิทธิ์กุล ผู้อำนวยการกองคดีการค้ามนุษย์ กรมสอบสวนพิเศษ (ดีเอสไอ)
นางติ๊ก (นามสมมุติ) พี่สาวของเหยื่อที่ถูกหลอกไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้านทางตอนเหนือของประเทศไทย กล่าวว่า น้องสาวและเพื่อน 3 คน ได้รับการชักชวนไปทำงานที่เมืองป๊อกบริเวณชายแดนจีน ทราบอีกทีก็รู้ว่าถูกหลอกไปขายอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งในพม่า แต่ยังสามารถใช้โทรศัพท์ได้ ตนพยายามติดต่อสถานทูตไทยในพม่า แต่ได้รับคำตอบว่าต้องใช้เวลา ในที่สุดมีตำรวจเข้าไปช่วยออกมาได้ แต่เพื่อนของน้องคนหนึ่งถูกขายไปแล้ว อย่างไรก็ตามการเดินทางกลับประเทศไทยต้องมีค่าใช้จ่าย 5 หมื่นบาท
“แต่เราไม่มีเงิน น้องจึงไม่ได้กลับ แต่เพื่อน 2 คนกลับมาได้เพราะมีญาติส่งเงินไปให้ น้องพยายามดิ้นรนเองในการหารถมาส่งที่ท่าขี้เหล็ก แต่สุดท้ายเขาโดนรถหลอกอีกครั้ง และถูกเรียกค่าไถ่ 5 แสน แต่ก็หนีออกมาได้และเจอชาวบ้านถูกตำรวจพม่าจับขังไว้ มีเจ้าหน้าที่ติดต่อมาว่าหากให้เรื่องจบต้องมีเงินไปจ่ายค่าน้ำร้อนน้ำชาคนละ 5 หมื่นบาท เราไม่รู้ว่าจะติดต่อขอความช่วยเหลือที่ไหน” นางติ๊กกล่าวพร้อมกับร่ำไห้
ขณะที่นางฝ้าย (นามสมมุติ) แม่ของเหยื่อรายหนึ่งกล่าวว่า ลูกสาวคนโตได้รับการชักชวนไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้าน โดยออกไปทางแม่สายและถูกยึดหนังสือเดินทางทันที และน้องถูกนำตัวไปขาย จนเมื่อวันที่ 22-23 พฤษภาคม 2566 น้องได้ติดต่อผ่านลุงโดยบอกว่าถูกหลอกไปขาย จึงได้ติดต่อไปที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงรายให้ช่วยน้องออกมา และทางตำรวจในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้านได้เข้าช่วยเหลือไว้ได้ 5 คน ซึ่งตอนแรกตนยังวิดีโอคอลคุยกับลูกได้ โดยทางตำรวจสามารถจับนายหน้าได้ด้วย และจับลูกขังคุกเพราะเข้าเมืองผิดกฎหมาย และเมื่อออกมาก็พยายามเดินทางกลับประเทศไทย โดยขอเงินค่ารถ 1 หมื่นบาท แต่สุดท้ายลูกกลับต้องไปอยู่ที่เมืองลา (ในพม่า ติดกับชายแดนจีน) ถูกบังคับให้ขายบริการโดยตอนนี้ตนไม่รู้ว่าลูกเป็นอย่างไร
พ.ต.ต.สิริวิชญ์ กล่าวว่า ทั้ง 2 กรณีที่นางติ๊กและนางฝ้ายเล่าเป็นเรื่องของการค้ามนุษย์เพราะล่อลวงคนให้ไปค้าประเวณี ไม่ใช่เป็นการไปทำงานผิดกฎหมาย หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อย่างไรก็ตามไม่มีใครเต็มใจให้ตัวเองถูกขังหรือถูกบังคับหรือขายต่อ หรือต้องใช้เงินไถ่ตัว เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนแต่ไม่สามารถดำเนินการได้ตามลำพัง เพราะเกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านเนื่องจากประเทศไทยเป็นศูนย์กลางหรือทางผ่าน ซึ่งไม่ใช่แค่คนไทยเท่านั้น ยังมีต่างชาติที่เราให้ความช่วยเหลือ ทั้งอินเดีย เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เราต้องอาศัยความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้านซึ่งเป็นภาคีเรื่องการปราบปรามค้ามนุษย์
พ.ต.ต.สิริวิชญ์ กล่าวถึงเหยื่อค้ามนุษย์กว่า 100 คนที่ตำรวจพม่าบุกให้การช่วยเหลือเมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า
ฝากให้กระทรวงการต่างประเทศและสถานทูตไทยในพม่า ซึ่งได้รับรายชื่อและมีการประสานงานมาตลอด และทราบว่าในปฏิบัติการครั้งนี้ทางสถานทูตไทยได้ส่งผู้แทนประสานกับพม่าโดยตลอด ขั้นตอนต่อไปคือต้องให้ทางการพม่าคัดกรองและคัดแยกเบื้องต้น ทราบว่าตำรวจเมืองจะส่งตัวไปที่เมืองล่าเสี้ยวก่อนและต่อไปมัณฑ์ฑะเลย์และส่งกลับประเทศไทย โดยเราจะพยายามให้มีการส่งกลับเร็วสุด แต่ที่ตอบไม่ได้คือกระบวนการของประเทศเพื่อนบ้าน
ผู้สื่อข่าวถามว่าทำอย่างไรให้การช่วยเหลืออย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว พ.ต.ต.สิริวัชญ์กล่าวว่า ประชาชนต้องตระหนักรู้โดยเฉพาะการไปทำงานประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นแหล่งคาสิโนนั้นมีความสุ่มเสี่ยงมาก ส่วนภาครัฐต้องใช้มาตรการป้องกัน เราก็ต้องเข้าไปช่วยเหลือ และดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด
“ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เร่งให้แก้ไขปัญหาเรื่องการค้ามนุษย์อย่างเร่งด่วน และยกระดับในการแก้ปัญหาที่คนไทยตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ ประเทศไทยเองต้องแสดงบทบาทนำในการแก้ปัญหาเรื่องนี้ ซึ่งในกลไกระหว่างประเทศเราได้มีการพูดคุยกัน แต่ควรมีการยกระดับเพื่อแก้ปัญหาจริงจังมากขึ้น” ผู้อำนวยการกองคดีการค้ามนุษย์ กล่าว

นางปรีดา คงแป้น กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า กสม.ได้รับเรื่องร้องเรียนเรื่องนี้เป็นระยะๆ ปัญหาที่เกิดขึ้นมีความสลับซับซ้อน ยากที่หน่วยงานราชการแห่งใดแห่งหนึ่งจะแก้ได้ กรณีที่คนไทยกว่า 100 คนถูกหลอกในประเทศเพื่อนบ้าน กสม.พยายามประสานทุกทาง ทั้ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รองนายกรัฐมนตรี 2 คน อย่างไรก็ตามวันที่ 25 ตุลาคมนี้จะประชุมกันเพื่อหาความร่วมมือ แม้ว่าจะมีความพยายามทำงานเชิงรุก แต่เมื่อเทียบกับปริมาณคนที่ถูกหลอก เราต้องทำงานเชิงรุกมากกว่านี้โดยเฉพาะนายกฯ ต้องแก้ปัญหา
“กรณีคนไทยที่ตกเป็นเหยื่อกว่า 100 คน กสม.ได้หนังสือด่วนถึงกระทรวงการต่างประเทศแล้ว และ กสม.กำลังคิดถึงการจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบาย เรื่องนี้มีความสลับซับซ้อนมาก ต้องประสานระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล เพราะลำพังคนที่อยู่หน้างานอย่างเดียวมีข้อจำกัดมาก เป็นเรื่องที่เราจะเสนอนายกฯ และคณะรัฐมนตรีหรือต่อสภาฯ โดยจะนำเรื่องนี้หารือกับภายใน กสม.สัปดาห์หน้า” นางปรีดา กล่าว