วันที่ 3 พฤศจิกายน 2566 น.ส.เรณู ทะเลมอญ ชาวเลเจ้าของบ้านบนพื้นที่นส.3 หมายเลข11 เกาะหลีเป๊ะ ต.เกาะสาหร่าย อ.เมือง จ.สตูล ผู้ถูกเอกชนฟ้องขับไล่ออกจากที่ดิน เปิดเผยว่าวันนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องตนในคดีบุกรุกและให้รื้อถอน ศาลสรุปว่าหลักฐานฝ่ายโจทก์ไม่เพียงพอ แม้จะโล่งใจไปเปราะหนึ่ง แต่ทางฝั่งโจทก์น่าจะยื่นอุทธรณ์ เพราะเขาเคยพูดเชิงข่มขู่ไว้แล้วว่าไม่ยอม แต่ตนก็สู้ไม่ถอยสู้ถึงที่สุดเช่นกัน

น.ส.เรณูกล่าวว่า ปัจจุบันพื้นที่พิพาทยังไม่มีการรื้อถอนออกไป เป็นบ้านอยู่อาศัยของตน ซึ่งฝ่ายโจทก์ฟ้องชาวบ้านทั้งหมด 6 ราย 6 หลัง ซึ่งศาลนัดแยกกัน และมีคดีของคนอื่นๆ อีก 15 ราย เป็นคดีเดียวกัน แต่โจทก์เป็นคนละคนกัน แต่อยู่ใน นส.3 หมายเลข 11 เช่นเดียวกันโดยฝ่ายโจทก์ยื่นอุทธรณ์ไปแล้ว ซึ่งเมื่อคณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่มี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือบิ๊กโจ๊ก รองผบ.ตร.เป็นประธานได้ทำงานต่อ ตนและชาวบ้านก็มีความหวัง เพราะคณะกรรมการชุดนี้ทำงานนี้ไปเกินกว่าครึ่งแล้ว หากมีการตั้งคณะกรรมการชุดใหม่มาแทน ตนกังวลว่างานแก้ปัญหานี้อาจจะยืดเยื้อออกไปอีก

ด้านนายภูวนารถ บัวเนียม ทนายความกล่าวว่า เอกชนได้ฟ้องขับไล่นางสาวเรณู ทะเลมอญ โดยอ้างว่าที่ดินนส.3 ที่นางสาวเรณูอาศัยอยู่เป็นที่ดินของโจทก์ แต่ทางจำเลยต่อสู้ว่าที่ดินนี้จำเลยอยู่อาศัยโดยบรรพบุรุษอยู่มาก่อน และสืบทอดมารุ่นต่อรุ่นจนถึงจำเลย ดังนั้นที่ดินนี้เป็นของจำเลยเพราะครอบครองทำประโยชน์อยู่ และที่ดินเป็นนส.3 ไม่ใช่โฉนด จำเลยครอบครองทำประโยชน์จริง ส่วนทางโจทก์อ้างเพียงชื่อที่ปรากฏในเอกสาร นส.3 ซึ่งทางโจทก์ต้องอุทธรณ์แน่นอน เพราะที่ผ่านมาที่โจทก์ยื่นฟ้องไปเขาแพ้หมด ซึ่งทางตนและจำเลยก็พร้อมสู้ต่อ กรณีนส.3 หมายเลข 11 เป็นคดีความ มีจำเลยทั้งหมด 15 ราย จำนวน 5 คดี ซึ่งโจทก์แพ้หมด ยกฟ้องไป 4 คดี และอีก 1 คดีถอนฟ้อง โดยลูกความของตนเป็นฝ่ายจำเลย 3 คน กรณีนางสาวเรณูเป็นคนสุดท้ายที่ศาลยกฟ้อง และในศาลชั้นต้นไม่มีคดีนี้หลงเหลือแล้ว ทั้งนี้โดยหลักของศาลจะมองถึงการทำประโยชน์อยู่จริง