ความคืบหน้ากรณีที่มีคนไทยนับร้อยคนร้องขอความช่วยเหลือเนื่องจากถูกกักขังอยู่ในเมืองเล่าก์ก่าย เขตปกครองพิเศษโกก้าง ในรัฐฉานเหนือ ประเทศพม่า ภายหลังจากถูกกลุ่มมาเฟียจีนเทาหลอกลวงไปทำงานต้มตุ๋นออนไลน์ และต้องอยู่ท่ามกลางสงครามระหว่างกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์และกองทัพพม่า ทำให้เผชิญความเสี่ยงอย่างหนักเนื่องจากการสู้รบยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและรุนแรงขึ้น
เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2566 ผู้สื่อข่าวได้สอบถามทางไลน์ไปยังคนไทยรายหนึ่งซึ่งติดอยู่ในเมืองเล่าก์ก่ายถึงสถานการณ์สู้รบ ซึ่งได้รับคำตอบว่าตลอดทั้งคืนวันที่ 2 มาจนถึงเช้าวันที่ 3 พฤศจิกายน ยังคงมีเสียงปืนและเสียงระเบิดอย่างต่อเนื่อง
“เมื่อคืนเสียงปืนถี่ขึ้น อาหารก็หาซื้อยาก ที่พอจะมีขายอยู่ 1 ร้านก็ปรับขึ้นราคา เมื่อวานขายกล่องละ 35 หยวน วันนี้เพิ่มเป็น 40 หยวน พวกเราอยากกลับบ้านมาก” คนไทยในเล่าก์ก่ายระบุ โดยคนไทยกลุ่มนี้ยังต้องหลบซ่อนอยู่ในอาคารแห่งหนึ่ง ขณะที่คนไทยอีก 133 คนอยู่ในค่ายทหารพม่า
ในส่วนของประเทศไทยได้มีความเคลื่อนไหวเพื่อช่วยเหลือคนไทยกลุ่มนี้จริงจังขึ้น ภายหลังจากเมื่อค่ำวันที่ 2 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เขียนข้อความในสื่อสังคมออนไลน์ระบุว่า กำลังหาทางช่วยเหลือคนไทยกลุ่มนี้ ทั้งนี้นายณัฐภาณุ นพคุณ รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่าปัจจุบันคนไทยจำนวน 162 คน ที่คาดว่าถูกล่อลวงไปทำงานผิดกฎหมายในเมียนมาและได้รับการช่วยเหลือจากทางการเมียนมาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยเพื่อรอกระบวนการส่งตัวกลับประเทศไทย
นายณัฐภาณุกล่าวว่า เมืองเล่าก์ก่าย รัฐฉาน เป็นเขตปกครองตนเองโกก้าง ที่มีสถานการณ์พิเศษ มักมีเหตุปะทะกันและก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ใกล้เคียงอย่างเนืองๆ มีการกําหนดเวลาเข้าออกเคหะสถาน และเป็นเขตที่ชาวต่างชาติไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าพื้นที่ ทำให้การให้ความช่วยเหลือคนไทยมีความยากและซับซ้อน โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง ได้ผลักดันให้มีการเคลื่อนย้ายคนไทยจากเมืองเล่าก์ก่ายออกไปยังพื้นที่ปลอดภัยโดยเร็วที่สุด แต่ด้วยสถานการณ์ที่มีการสู้รบกันระหว่างฝ่ายต่อต้านกับทหารและตำรวจเมียนมาตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคมเป็นต้นมา ฝ่ายเมียนมาจึงจำเป็นต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง และอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่ายในการเคลื่อนย้ายคนต่างชาติต่าง ๆ ออกนอกพื้นที่ สถานทูตฯ ได้หารือกับทางการเมียนมาอย่างใกล้ชิด เพื่อหาทางเลือกที่ดีที่สุดในการนำคนไทยออกจากพื้นที่โดยเร็วและปลอดภัย
“เพื่อป้องกันการสร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนแก่สาธารณชน กระทรวงการต่างประเทศขอให้สื่อมวลชนตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนการนำเสนอข่าวสาร ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศพร้อมให้ความร่วมมือ” รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว
นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่าขณะนี้ทราบว่าอยู่ในกระบวนการส่งตัวกลับโดยสวัสดิภาพ เรื่องนี้ไม่มีอะไรน่าหนักใจ แต่เป็นบทเรียนสำหรับคนไทยว่าการจะไปประเทศไหนจะต้องดูสถานการณ์ และกฎหมายของประเทศนั้น ส่วนรายละเอียดการส่งคนไทยเดินทางกลับ คาดว่าน่าจะทราบในเร็วๆ นี้ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ดำเนินการอยู่
“ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าจะใช้อะไรไปรับคนไทยกลับ เพราะมีพื้นที่ที่ชายแดนที่อยู่ติดกัน แต่หากมีสถานการณ์ที่จำเป็นที่จะต้องส่งไป กองทัพก็พร้อมที่จะส่งเครื่องบิน C-130 ไปรับ ไม่มีปัญหา” นายสุทิน กล่าว
วันเดียวกันสำนักข่าวไทยใหญ่ SHAN รายงานว่าเหตุการณ์สู้รบเกิดขึ้นอีกในเมืองน้ำคำ ทางเหนือของรัฐฉาน ติดกับชายแดนจีน โดยกลุ่มพันธมิตรทางเหนือ ซึ่งประกอบด้วยกองกำลังโกก้าง กองกำลังปะหล่อง TNLA และกองทัพอาระกัน AA สามารถยึดฐานทัพพม่าได้เพิ่มอีกที่บริเวณสะพานแขวนในเมืองน้ำคำ โดยยังสามารถยึดอาวุธยุทโธปกรณ์ได้ของทหารพม่าจำนวนมาก หลังการถูกโจมตีกองทัพพม่าได้ตอบโต้ด้วยเครื่องบินรบทำให้ประชาชนในเมืองน้ำคำแตกตื่น โดยเหตุปะทะกันเกิดขึ้นตั้งแต่เวลา 06.00 น. ของเช้าวันนี้ โดยนับตั้งแต่ปะทะกันเป็นเวลา 8 วัน กองทัพพม่าสูญเสียฐานที่มั่นรวมทั้งสิ้น 3-4 แห่ง ในเมืองน้ำคำ
ชาวบ้านรายหนึ่งกล่าวว่า ทหารพม่าที่ประจำฐานทัพบางแห่งแม้ยังไม่ถูกโจมตีก็ตัดสินใจหนีและทิ้งฐานที่มั่นให้กับทหารฝ่ายต่อต้าน
ขณะที่สำนักข่าว Chindwin ได้เผยแพร่าภาพทหารพม่าส่วนหนึ่งได้หนีเข้าไปยังเขตจีน ทำให้ทางการจีนได้ออกมาเตือนให้ทหารพม่ากลุ่มนี้กลับไปยังฝั่งพม่า
อีกพื้นที่หนึ่งที่ทหารกลุ่มชาติพันธุ์สามารถยึดได้คือ ฐานทัพพม่าในเมืองม่านต้งและเมืองกุ๋นขา เขตเมืองหนองเขียว โดยทหารปะหล่องและทหาร PDF ได้ซุ่มโจมตีขบวนรถทหารพม่าที่เดินทางจากเมืองเหม่เมี่ยว และช่วงเวลา 16.00 น.ทั้งสองฝ่ายได้ปะทะกัน
ขณะที่พล.อ.มินอ่องหลาย ผู้นำสูงสุดของกองทัพพม่ากล่าวว่า กองทัพพม่าเตรียมตอบโต้กลับกลุ่มพันธมิตรทางเหนือ อย่างไรก็ตาม ทางโฆษกของกองทัพพม่าได้ออกมายอมรับว่า สูญเสียเมืองชินฉ่วยห่อ ในเขตปกครองตนเองโกก้างให้กับฝ่ายต่อต้าน ซึ่งเป็นชายแดนค้าขายสำคัญติดกับจีน
ขณะที่สำนักข่าวอิรวดี Irrawaddy รายงานว่า กองทัพพม่าได้เปิดรับบริจาคเงินจากผู้สนับสนุนกองทัพ เพื่อนำเงินไปช่วยเหลือทหารพม่าที่ประจำอยู่ทางเหนือของรัฐฉาน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับทหารพม่าในพื้นที่ ส่วนพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายหนักจากเหตุสงครามตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา คือเมืองแสนหวี โดยมีรายงานว่า บ้านเรือนชาวบ้านถูกยิงได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก และประชาชนในพื้นที่กำลังติดอยู่ในบ้านไม่สามารถออกไปไหน เนื่องจากหวั่นสถานการณ์ไม่ปลอดภัยและยังคงมีเสียงปืนปะทะกันอย่างต่อเนื่อง
ชาวบ้านรายหนึ่งกล่าวว่า หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าชาวเมืองแสนหวีจะอดตาย เนื่องจากอาหารที่ตุนไว้เริ่มหมด และราคาอาหารในพื้นที่ก็มีราคาสูงขึ้นเป็นเท่าตัว โดยผู้ลี้ภัยในเมืองแสนหวีเพียงแห่งเดียวมีมากกว่า 6,000 คนแล้ว และสื่อไทใหญ่ยังรายงานว่า จนถึงขณะนี้มีผู้ลี้ภัยในทางเหนือรัฐฉานมากกว่า 2 หมื่นคนแล้ว
ด้านสำนักข่าว RFA รายงานวานว่า ชาวบ้านจากฝั่งรัฐฉานที่อพยพไปยังเมืองติ๋ง ประเทศจีน กำลังเผชิญกับสถานการณ์ลำบากด้านอาหาร เนื่องจากทางการจีนห้ามให้ความช่วยเหลือด้านอาหารแก่ผู้ลี้ภัยสงคราม รวมถึงห้ามผู้ลี้ภัยออกไปหาซื้ออาหารจากพื้นที่พักพิง โดยทางการจีนให้น้ำดื่มเพียงคนละ 2 ขวด นอกจากนี้ ทางการจีนยังจัดห้องน้ำให้เพียง 2 ห้อง ในขณะที่มีผู้ลี้ภัยจำนวน 5,000 คน
อีกด้านหนึ่งกองทัพว้า UWSA ออกมาประกาศว่า จะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเหตุสงครามที่กำลังเกิดขึ้นในรัฐฉาน และหากมีกลุ่มไหนรุกล้ำน่านฟ้าและทางบกของดินแดนว้า ทางกองทัพว้าก็พร้อมจะตอบโต้โดยทันที