ความคืบกรณีที่คนไทยกว่า 200 คน ถูกกลุ่มจีนเทาหลอกไปทำงานในเขตปกครองพิเศษโกก้างในพื้นที่รัฐฉานเหนือ ประเทศพม่า ซึ่งอยู่ติดชายแดนประเทศจีน และเมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมาได้เกิดการสงครามสู้รบระหว่างกองทัพพม่ากับกลุ่มพันธมิตร 3 กองชาติพันธุ์ ทำให้คนไทยกลุ่มนี้ตกอยู่ในอันตราย
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2566 มีรายงานล่าสุดว่า คนไทยจำนวน 22 คนที่ติดอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองเล่าก์ก่าย เมืองหลวงของเขตโกก้าง และคนไทยอีก 9 คนที่หลบซ่อนอยู่ได้รับการช่วยเหลือนำตัวไปยังค่ายทหารพม่าแห่งหนึ่ง โดยก่อนหน้านี้ได้มีการช่วยเหลือนำตัวคนไทย 133 คนที่ถูกกลุ่มจีนเทาบังคับให้ทำงานออกมาไว้ที่ค่ายทหารแห่งนี้แล้ว
“ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดในตอนนี้คือมีคนไทย 62 คนที่เรามีรายชื่ออยู่ ยังถูกพวกจีนเทาจับไว้ในตึกพิกัด 9 ซึ่งเราไม่รู้ว่าจะถูกส่งต่อไปที่อื่นอีกมั้ย หรือถูกจับเป็นตัวประกันหรือไม่ อยากให้รัฐบาลเร่งช่วยเหลือคนกลุ่มนี้เร่งด่วน เราหวังว่าในวันพรุ่งนี้ (6 พฤศจิกายน) ที่บิ๊กโจ๊ก (พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ) ไปพม่า จะสามารถช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ออกมาได้” จิตอาสาซึ่งทำงานช่วยเหลือคนไทยในโกก้าง กล่าว และว่านอกจากคนไทยแล้ว ยังมีคนต่างชาติติดอยู่บริเวณดังกล่าวอีกจำนวนมาก
จิตอาสารายนี้กล่าวว่า ช่องทางที่สามารถส่งกลับคนไทยกลุ่มนี้ได้รวมเร็วที่สุดคือเข้าไปที่ประเทศจีนและรัฐบาลไทยประสานจีนเพื่อส่งเครื่องบินไปรับ เพราะหากส่งกลับเส้นทางในพม่าอาจไม่ปลอดภัยเนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีการสู้บรบรุนแรงและอยู่ห่างไกลจากย่างกุ้ง ต้องใช้เวลาเดินทางยาวนาน
ด้านนางภาวิณี (ขอสงวนนามสกุล) มารดาของนายเอ (นามสมมุติ) เหยื่อรายหนึ่งที่ถูกหลอกไปทำงานในเขตปกครองโกก้าง กล่าวว่าตนรู้สึกเป็นห่วงลูกชายมาก เพราะครั้งสุดท้ายที่ติดต่อกันได้คือเมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมาโดยลูกแจ้งว่าได้รับความช่วยเหลือให้ไปอยู่ในค่ายทหารพม่า หลังจากนั้นก็ติดต่อลูกไม่ได้อีกเลย จึงรู้สึกเป็นกังวลมาก แต่เมื่อได้ฟังไลฟ์สดทางเพจสำนักข่าว The Reporters เกี่ยวกับคนไทยที่ถูกหลอกในโกก้าง จึงได้ต่อไปทางเฟสบุคไปยังนางปรีดา คงแป้น กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ทำให้ทราบว่าขณะนี้ลูกชายยังปลอดภัยดี แต่ไม่มีโทรศัพท์แล้ว อยากให้รัฐบาลเร่งช่วยเหลือนำลูกชายและคนไทยกลุ่มนี้กลับประเทศ
นางภาวิณีกล่าวว่า หลังจากลูกชายเรียนจบปริญญาตรีด้านโลจิสติกส์ ได้ทำงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งมีรายได้เดือนละ 1.5-1.6 หมื่นบาท แต่อยากได้รายได้ที่สูงขึ้นและมีเพื่อนที่เคยเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันไปทำงานที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มาชวนได้ทำงานด้วยจึงลาออกจากงานและเตรียมเดินทางไปแต่วีซ่าไม่ผ่าน เพื่อนคนดังกล่าวเลยชวนไปทำงานที่ประเทศจีน โดยไม่ได้คิดว่าจะถูกหลอก ลูกได้นั่งเครื่องบินเข้าไปประเทศพม่า จากนั้นจึงพาเดินทางไปยังเมืองเล่าก์ก่าย ในเขตปกครองพิเศษโกก้าง ซึ่งตอนแรกตนก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร เมื่อสอบถามไปยังคงรู้จักจึงรู้ว่าเป็นพื้นที่ที่อันตราย แต่ทำอะไรไม่ได้แล้วเพราะไปถึงพื้นที่
“ลูกชายเดินทางไปคนเดียว เพราะเขาใฝ่ฝันที่อยากทำงานต่างประเทศ อยากมีรายได้ดี เขาเดินทางไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ และติดต่อกลับมาหาแม่ตลอด เขาบอกว่าไม่โอเค เพราะถูกบังคับให้ทำงานคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเขาไม่ชอบไม่อยากทำ สัญญาครึ่งปี ถ้าทำตัวดี เขาจะได้กลับ เขาเล่าว่าบางคนถูกบังคับ ถูกทรมาน เพื่อนๆ ได้โทรไปแจ้งที่สถานทูตไทยในย่างกุ้งตั้งแต่ 6 เดือนก่อน แต่เรื่องก็เงียบหายไป พอโทรตามเรื่อง เขาก็บอกว่าส่งรายชื่อให้ทางการพม่าไปแล้ว ผลก็คือเพื่อนของเขาที่เป็นคนแจ้งสถานทูตถูกทรมานจากพวกจีนเทา” นางภาวิณี กล่าว
แม่ของเหยื่อที่เคราะห์ร้ายรายนี้กล่าวว่า ตอนหลังลูกชายถูกริบโทรศัพท์เช่นกัน เพราะเขาจับได้ว่าโทรไปแจ้งสถานทูตไทย อย่างไรก็ตามครั้งสุดท้ายที่คุยกันเขายืมโทรศัทพ์เพื่อนโทรมาเล่าว่ากำลังได้รับความช่วยเหลือไปอยู่ในค่ายทหาร เขาบอกว่าปลอดภัยดี แต่หลังจากติดต่อไม่ได้3-4 วันแล้วทำให้ตนรู้สึกเป็นห่วงมากถึงกับนอนไม่หลับ
“อยากขอให้ลูกได้กลับมาเร็ว เขาเล่าว่ามีการยิงกัน มีคนตาย แล้วมีคนมาช่วยเหลือไปอยู่ในค่ายทหาร ได้เห็นภาพลูกถอดเสื้อ เขาบอกว่ามีเสื้อผ้าชุดเดียว เอกสารถูกยึดหมด ไม่มีโทรศัพท์ แต่เพื่อนมีเลยติดต่อกันได้ อยากวิงวอนให้รัฐบาลช่วยเหลือให้กลับบ้านเร็วที่สุด ลูกชายถูกหลอกไปทำงาน เขาไม่ได้ต้องการทำอาชีพนี้คอลเซ็นเตอร์อยู่แล้ว”นางภาวิณี กล่าว