เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 นางนิยดา เสนีย์มโนมัย ผู้ตรวจราชการและโฆษกสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมการเลือกตั้งคณะกรรมการ(บอร์ด)ประกันสังคม ซึ่งเปิดให้ผู้ประกันตนลงทะเบียน และรับสมัครผู้ลงชิงชัยบอร์ดทั้งในส่วนของนายจ้างและลูกจ้างเป็นวันสุดท้ายในวันนี้ว่า จะมีการประมวลผลทั้งหมดหลังเที่ยงคืน แต่ตัวเลขล่าสุดที่ผู้ประกันตนมาลงทะเบียนอยู่ที่กว่า 9 แสนคน ผู้สมัครในส่วนของผู้ประกันตนกว่า 200 คนและผู้สมัครในส่วนของนายจ้างกว่า 60 คน
ด้านนายเซีย จำปาทอง สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ตัวเลขผู้ประกันตนที่มาลงทะเบียนกว่า 9 แสนคนถ้าเทียบสัดส่วนผู้ประกันตนที่มีสิทธิเลือกตั้ง 13 ล้านคนแล้วถือว่ายังน้อย อย่างไรก็ตามถือว่าตัวเลขเพิ่มขึ้นจากช่วงแรกมาก ซึ่งตนเองก็พยายามช่วยกันรณรงค์ให้ผู้ประกันตนได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง จริงๆ แล้วผู้ประกันตนควรรับรู้สิทธิของตัวเองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงผู้ที่เข้ามาบริหารงบประมาณกองทุนประกันสังคม
“สำนักงานประกันสังคมประชาสัมพันธ์ปูพื้นเรื่องการเลือกตั้งบอร์ดน้อยมาก ผมลงพื้นที่ไปพบผู้ประกันตน โดยเฉพาะในจังหวัดสมุทรปราการ พบว่าผู้ประกันตนรับรู้เรื่องการเลือกตั้งน้อยมากแม้เป็นพื้นที่ที่มีคนงานอยู่เยอะ ยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับเลือกตั้ง สส.ที่มีรายบละเอียดต่างๆ รู้ล่วงหน้าหลายเดือน เช่น เลือกตั้งเมื่อไร ขณะที่การเลือกตั้งของ สปส.แทบไม่มีเรื่องเหล่านี้เลย ผมเองก็เพิ่งรู้ว่าจะมีการเลือกตั้งบอร์ดตอนที่ผู้บริหาร สปส.ไปรายงานที่สภาฯ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม หลังจากนั้นก็ไม่ทราบอะไรอีกเลยว่าจะมีการเลือกตั้งจริงๆ หรือไม่” นายเซีย กล่าว
สส.พรรคก้าวไกลกล่าวว่า แม้จะมีผู้ประกันตนมาลงทะเบียน 9 แสนคน แต่ยังไม่รู้ว่าเมื่อถึงวันเลือกตั้งจะมาใช้สิทธิเท่าไร เพราะบางจังหวัดหน่วยเลือกตั้งกับผู้ประกันตนอยู่ห่างกันหลายสิบกิโลเมตร แต่ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
“สิ่งสำคัญคือ หลังจากการเลือกตั้งครั้งนี้ควรมีการถอดบทเรียน เพื่อใช้ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ขณะเดียวกันหลังจากได้ตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งแล้ว สปส.และสื่อมวลชนควรจัดเวทีให้มีการแสดงวิสัยทัศน์ เพื่อที่ผู้ประกันตนจะได้รับรู้คุณสมบัติและมุมมองของผู้สมัครแต่ละคน” นายเซีย กล่าว
นายศักดินา ฉัตรกุล ณ อยุธยา นักวิชาการอิสระด้านแรงงาน กล่าวว่าตนรู้สึกแปลกว่าทำไมการเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคมถึงต้องลงทะเบียนล่วงหน้า เพราะทำให้ผู้ประกันตนลำบากในการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามทราบว่าผู้บริหารคาดหวังว่ามีผู้ประกันตนมาลงทะเบียนไม่น้อยกว่า 1 ล้านคน อย่างไรก็ตามถือว่าเป็นการเลือกตั้งแบบใหม่ และยังไม่ได้ประชาสัมพันธ์ที่ดี แต่ถือว่าเป็นการเริ่มต้น ซึ่งตนเชื่อว่าดีกว่าระบบเดิมที่ให้สิทธิสหภาพแรงงาน 1 แห่ง 1 เสียง และดีกว่าการใช้วิธีแต่งตั้งบอร์ดเหมือนชุดนี้
“ในเยอรมนี ซึ่งเป็นต้นแบบของระบบประกันสังคมในบ้านเราก็เลือกตั้งบอร์ดเช่นกัน เพราะคนส่วนใหญ่มีประกันสังคม แต่เขามีบอร์ดบริหารและสภาที่ทำหน้าที่ออกกฏระเบียบ แต่บ้านเราไปอยู่กับรัฐ แล้วให้นายจ้างลูกจ้างเข้ามามีส่วนร่วม” นายศักดินากล่าว
นายศักดินากล่าวว่า กระบวนการหลังจากรับสมัครแล้ว ควรจะทำเหมือนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน คือเปิดโอกาสให้ผู้สมัครทุกคนมีเสรีภาพนำเสนอนโยบายของตัวเอง ขณะที่รัฐควรเข้ามาสนับสนุนให้นำเสนอตามเพจต่างๆ ของรัฐ หรือสื่อของรัฐ
“คิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ อย่างไรก็คงดีกว่าเดิมเพราะเดิมใช้สหภาพเป็นฐาน ทำให้ตกอยู่ใต้อิทธิพลของคนไม่กี่กลุ่ม แต่ครั้งนี้ผู้ประกันตนมีอิสระเลือกได้ด้วยตัวเอง และเมื่อเราได้บอร์ดที่จากการเลือกตั้งโดยตรงจากผู้ประกันตนแล้ว ผมคิดว่าควรให้อำนาจบอร์ด ควรให้เขามีสิทธิมีเสียงมากกว่าเดิม เช่น การกำหนดสิทธิประโยชน์ต่างๆ” นายศักดินา กล่าว และเชื่อว่าถ้าเรามีบอร์ดที่ทำงานแข็งขันก็จะทำให้เกิดความโปร่งใสและเข้าไปตรวจสอบได้ สามารถหาตัวเลขต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งนำไปปรับปรุงการบริหารงานได้ดีขึ้นได้
