เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่คนไทยกว่า 200 คนที่ถูกหลอกไปทำงานในเมืองเล่าก์ก่าย เขตปกครองพิเศษโกก้าง ภาคเหนือของรัฐฉาน ประเทศพม่าซึ่งติดกับชายแดนจีน ล่าสุดคนไทย 164 คนที่ได้รับความช่วยเหลือออกมาจากอาคารที่ถูกกลุ่มจีนเทากักขัง ได้ย้ายจากค่ายทหารพม่าไปอยู่ในโรงเรียนแห่งหนึ่ง เพื่อไม่ให้อยู่ในเป้าโจมตี เนื่องจากขณะนี้การสู้รบระหว่างทหารพม่าและกองกำลังพันธมิตรกลุ่มชาติพันธุ์ยังคงรุนแรงต่อเนื่อง
นายเอ 1 ในคนไทยที่ถูกย้ายไปอยู่ในโรงเรียน เปิดเผยว่า สถานที่แห่งใหม่ที่ย้ายมาอยู่ต้องอาศัยรวมกัน 500 คนโดยนอกจากคนไทยแล้ว ยังมีคนเวียดนาม คนมาเลเซีย และคนพม่า ทำให้ความเป็นอยู่ค่อนข้างลำบากเพราะแออัดมาก ขณะที่อาหารการกินยังขาดแคลนมาก
“วันนี้ตลอดทั้งวันยังมีเสียงปืนเสียงระเบิดต่อเนื่อง พวกเราอยากกลับมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้กลับ ความเป็นอยู่ที่นี่ลำบากมาก ข้าวกล่องไม่พอกิน แถมข้าวสารที่เขาบอกว่าจะส่งมาให้หุงกินกันเองก็ไม่สงมา”นายเอ กล่าว
ในวันเดียวกันกระทรวงการต่างประเทศได้เป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมเพื่อเตรียมแผนอพยพคนไทยในเมืองเล่าก์ก่ายกลับประเทศ โดยเชิญผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆเข้าร่วม อาทิ กองทัพอากาศ สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นอกจากนี้ยังมีผู้แทนสถานทูตไทยในคุนหมิง ย่างกุ้งและปักกิ่ง เข้าร่วม
ทั้งนี้กองทัพอากาศได้รายงานว่า หากต้องการส่งเครื่องบินไปรับคนไทยกว่า 200 คน อาจต้องใช้ ซี 130 เพราะเครื่องบินอื่นติดภารกิจ อย่างไรก็ตามหากใช้ซี 130 ก็มีปัญหาเนื่องจากเป็นเครื่องบินสัญชาติอเมริกา การบินผ่านน่านฟ้าลาวและจีนต้องประสานงานโดยใช้เวลาอย่างน้อย 5 วัน ขณะเดียวกันในที่ประชุมยังได้หารือในเรื่องงบประมาณที่ต้องขออนุมัติจากรัฐบาลด้วย ทั้งนี้จะมีการจัดเตรียมแผนอีกครั้ง นอกจากนี้กระทรวงการต่างประเทศจะประชุมหารือกับรัฐบาลประเทศอื่นๆที่มีผู้ถูกหลอกไปทำงานอยู่ที่เมืองเล่าก์ก่าย ไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย
ขณะทีรัฐบาลอังกฤษได้ประกาศแจ้งเตือนพลเมืองของตัวเองที่จะเดินทางไปประเทศพม่าเนื่องจากมีการสู้รบรุนแรงในหลายพื้นที่โดยเฉพาะในเขตพื้นที่สีแดงซึ่งรวมถึงเมืองเล่าก์ก่าย(ดูภาพประกอบ)
ด้านการสู้รบระหว่างกองทัพพม่าและกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆยังคงรุนแรงอย่างต่อเนื่องแทบทุกภาคแม้ว่ารัฐบาลพม่าจะประกาศกฎอัยการศึกในหลายพื้นที่แล้วก็ตาม ทั้งนี้กระทรวงกลาโหมของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ หรือ NUG (National Unity Government) ได้เผยแพร่ภาพเครื่องบินรบ K-8 ของกองทัพพม่าถูกยิงตกได้รับความเสียหายในอำเภอตองอู เขตพื้นที่ควบคุมของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) โดยทางรัฐบาล NUG ระบุว่า ได้พบเครื่องบินรบนี้เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยนักรบต่อต้านกองทัพพม่าในรัฐคะเรนนีอ้างว่า พวกเขาเป็นผู้ที่ยิงเครื่องบินตก แต่นักบินได้ดีดตัวออกจากเครื่องบินก่อนที่เครื่องบินรบจะตก
ขณะเดียวกรุงย่างกุ้ง มัณฑะเลย์และที่กรุงเนปีดอว์ รวมไปถึงเมืองมิตจีนา รัฐคะฉิ่น มีประชาชนที่สนับสนุนกองทัพพม่าออกมาประท้วงการโจมตีของกลุ่มพันธมิตรทางเหนือ ซึ่งประกอบด้วยกองกำลังโกก้าง MNDAA กองกำลังปะหล่อง TNLA และกองทัพอาระกัน AA โดยกลุ่มประชาชนที่ออกมาประท้วงวันนี้อ้างว่า จะเป็นหนึ่งเดียวกับกองทัพและต่อต้านกลุ่มพันธมิตรทางเหนือ
ส่วนสถานการณ์ทางเหนือของรัฐฉานนั้น มีรายงานข่าวว่า กองทัพปะหล่อง TNLA ได้ทำลายสะพานน่ำสิ่ม ซึ่งเป็นสะพานเชื่อมระหว่างเมืองจ๊อกเมและเมืองสี่ป้อ ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ไม่สามารถสัญจรไปมาได้ นอกจากนี้ ในเมืองน้ำคำ กองทัพพม่าได้ใช้ปืนใหญ่โจมตีในตัวเมือง สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนในพื้นที่ ส่วนในพื้นที่เมืองเล่าก์ก่าย กองทัพพม่าได้โจมตีใส่ฝูงชน ซึ่งเป็นผู้ลี้ภัยที่กำลังอยู่ระหว่างทางอพยพออกจากเมือง เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 5 คน โดยผู้ที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า มีกระสุนปืนจากกองทัพพม่ายิงใส่กลุ่มผู้ลี้ภัยทุกทิศทาง จนมีผู้ที่รับบาดเจ็บและมีคราบเลือดเต็มสองข้างทาง
ผู้ที่อพยพออกมาจากเมืองเล่าก์ก่าย บางส่วนหนีไปยังเขตปกครองของกองทัพว้า และบางส่วนหนีมายังเมืองล่าเสี้ยว โดยชาวบ้านส่วนใหญ่ที่หนีอพยพออกมาเป็นคนจากพื้นที่อื่นที่ไปทำงานที่เมืองเล่าก์ก่าย ขณะนี้กองกำลังโกก้างพยายามที่จะยึดเมืองเล่าก์ก่าย และสถานการณ์ยังคงตึงเครียด ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ กองทัพพม่าประกาศกฎอัยการศึกใน 8 เมืองของรัฐฉาน เช่น เมืองกุ๋นหลง เมืองน้ำคำ เมืองแสนหวี เมืองโก้ดขาย เมืองล่าเสี้ยว เล่าก์ก่าย กุงจ้าง และเมืองหมู่เจ้
ส่วนด้านตะวันออกของรัฐฉาน ที่เมืองสาด ตรงข้ามอำเภอเชียงดาว มีรายงานว่า ได้เกิดระเบิดขึ้นที่ฐานทัพของพม่าในพื้นที่ แต่ยังไม่มีรายงานความคืบหน้า โดยนางมีมี วินปั้ก อดีตทหารอเมริกันเชื้อสายพม่า ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว VOA โดยเรียกร้องว่า ช่วงเวลานี้ กลุ่มติดอาวุธในพม่าทุกกลุ่มควรที่จะลุกขึ้นมาโจมตีกองทัพพม่าไปพร้อมๆกันทั่วประเทศ เพื่อโค่นรัฐบาลเผด็จการทหารให้สำเร็จ และเชื่อว่าจะสำเร็จหากทุกฝ่ายร่วมมือกัน และช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดสำหรับพม่า เชื่อว่ากองทัพพม่านั้นกำลังอ่อนแอ และทหารในแนวหน้ากำลังขวัญเสีย
————