สำนักข่าวชายขอบ
Transborder News

หวั่นสงครามใหญ่ระเบิดอีก คนไทยในเมืองเล้าก์ก่ายไลฟ์วอนทางการไทย-จีนช่วยอพยพออกมาด่วน เผยหวาดผวาหนักถึงขึ้นคิดฆ่าตัวตาย กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐจี้รัฐตั้งวอร์รูมรับมือ เผยสถานการณ์สู้รบในพม่าเข้าขั้นเลวร้าย

เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 เหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ชาวไทยที่ถูกมาเฟียจีนเทาหลอกไปทำงานต้มตุ๋นออนไลน์ในเมืองเล้าก์ก่าย เขตปกครองพิเศษโกก้าง ทางตอนเหนือของรัฐฉาน ประเทศพม่าซึ่งอยู่ติดชายแดนจีนได้ในพม่าได้ไลฟ์ทางเฟซบุ๊กเพื่อร้องขอความช่วยเหลือเร่งด่วน โดยเหยื่อค้ามนุษย์รายหนึ่งกล่าวว่า พวกตน 167 คน เป็นกลุ่มเหยื่อผู้ได้รับความเสียหายจากการถูกหลอกมาค้ามนุษย์ในพม่า ขณะนี้อาศัยอยู่โรงพยาบาลสนามในโรงเรียนแห่งหนึ่งในพม่า สถานการณ์ในปัจจุบันที่ต้องเผชิญนั้นย่ำแย่มาก ต้องอยู่ท่ามกลางเสียงระเบิด เสียงปืนทั้งวันทั้งคืน หลายคนมีสภาวะเครียดและกดดันจนถึงขั้นเกิดอาการหวาดผวานอนไม่หลับและบางคนมีความคิดที่จะฆ่าตัวตาย

“สภาพความเป็นอยู่ถูกตัดน้ำตัดไฟและน้ำที่ใช้ดื่มต้องหาทางซื้อกินเอง บางคนไม่ได้อาบน้ำ 4-5 วัน บางคนที่ไม่มีญาติโอนเงินให้ต้องคุ้ยขยะเพื่อความอยู่รอด เพราะข้าวที่ส่งมาให้ไม่เพียงพอต่อจำนวนคน บางวันข้าวเน่าเสีย พวกเราที่ลี้ภัยอยู่ในขณะนี้ต้องช่วยเหลือกันเอง สุขภาพร่างกายของแต่ละคนกำลังอยู่ในสภาวะย่ำแย่” เหยื่อค้ามนุษย์รายหนึ่ง กล่าว

ขณะที่เหยื่อค้ามนุษย์อีกรายกล่าวว่า พวกเรามีความต้องการอยากกลับบ้านโดยเร็วที่สุด หลายหน่วยงานแจ้งว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว แต่เรารู้สึกเหมือนกำลังโดนให้ความหวัง และอีก 4 วัน จะครบ 1 เดือนที่อาศัยอยู่ที่นี่และยังไม่มีใครได้กลับบ้านเลย พวกเราได้รับข้อมูลข่าวสารว่าในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2566 นี้ จะมีสงครามครั้งใหญ่เกิดขึ้นอีก ซึ่งเราต้องการอพยพออกก่อนจะมีสงครามเกิดขึ้น และทางการไม่สามารถยืนยันว่าจะอพยพออกจากที่นี่ได้เมื่อไหร่ และเงินที่เราใช้อยู่ในปัจจุบันก็ลดน้อยลงไปทุกวัน ต้องให้ญาติทางบ้านเจียดเงินส่งกลับมาให้ แค่การที่เราโดนหลอกก็แย่มากมายพอแล้ว

แม่ของเหยื่อมารอรับลูกที่ด่านแม่สาย

“เราอยากให้หน่วยงานของทางรัฐบาลจีนช่วยเหลือพวกเราด้วย เพราะพวกเราถูกหลอกมาและไม่ได้มีความตั้งใจจะมาทำงานนี้ เหยื่อหลายคนถูกทารุณกรรม ทำร้ายร่างกาย เอาปืนตบหน้า เราเข้าในใจว่าทางการไทยและหน่วยงานต่าง ๆ กำลังเร่งมือให้ความช่วยเหลือ แต่พวกเราต้องทนอยู่ด้วยความหวาดกลัวทุกวันๆ และต้องเสี่ยงทุกนาทีพวกเราอยากกลับบ้านแล้ว”เหยื่อค้ามนุษย์อีกรายกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในตอนท้ายตัวแทนได้กล่าวขอความช่วยเหลือเป็นภาษาจีน บอกเล่าถึงความยากลำบากและความอันตรายรูปแบบต่างๆที่อาจต้องเผชิญหากไม่ได้รับความช่วยเหลือ ขณะที่รอความช่วยเหลือมาจนจะครบเดือนแล้ว

ส่วนความคืบหน้ากรณีที่กองกำลังว้าได้ช่วยเหลือคนไทย 41 คนจากเมืองเล้าก์ก่าย และส่งตัวให้รัฐบาลพม่าเพื่อส่งต่อมายังรัฐบาลไทย โดยในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้กองทัพบกไทยได้ส่งเครื่องบินจาก กทม.ไปยังสนามบินแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เพื่อรอรับคนไทยกลุ่มนี้ โดยเชิญสื่อมวลชนจากส่วนกลางเดินทางนั่งเครื่องบินลำดังกล่าวมาร่วมทำข่าวด้วย อย่างไรก็ตามตลอดทั้งวันคนไทย 41 คนก็ยังเดินทางมาไม่ถึงเมืองท่าขี้เหล็ก จากทางการพม่ายังคงสอบปากคำและตรวจสอบเอกสารอยู่ที่เมืองเชียงตุง

อาสาสมัครของมูลนิธิอิมมานูเอลรายหนึ่ง เปิดเผยว่า กลุ่มคนไทย 41 คน ยังปลอดภัยดีและเดินทางมาถึงที่เมืองเชียงตุงตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยในวันนี้มีการเรียกตัวแทนของกลุ่ม 41 คน ประมาณ 2-3 คน ไปสอบสวนข้อมูลเบื้องต้นว่าตรงกับข้อมูลที่ได้มาจากเมืองยาง หรือไม่ โดยชาวไทยกลุ่มนี้ตั้งหน้าตั้งตารอเพราะคิดว่าจะได้กลับถึงประเทศไทยวันนี้ ทำให้อาสาสมัครได้เข้าไปพูดคุยให้กำลังใจ ให้ความเชื่อมั่น

“น้องๆค่อนข้างตกใจ เพราะระหว่างทางมาถึงเมืองเชียงตุงมีการยึดโทรศัพท์และทรัพย์สินไว้ชั่วคราว เพื่อป้องกันการเสียหายในระหว่างนั้น ที่พักมีคนหลายสัญชาติปนกันอยู่ ตอนนี้ทุกคนยังรออยู่ที่เมืองเชียงตุง รอการอนุมัติให้สามารถเดินทางได้ เพราะรถที่จะพาไปมาเตรียมพร้อมไว้แล้วตั้งแต่ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา”อาสาสมัครรายนี้ กล่าว

ขณะเดียวกันที่ด่านศุลกากร อ.แม่สาย ชาวบ้านจากหมู่บ้านรั้วพัฒนา ต.ป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย จำนวน 3 ราย ซึ่งเป็นแม่ของเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ในเมืองเล้าก์ก่าย กลุ่ม 41 คนที่อยู่ระหว่างเดินทางกลับไทยได้เดินทางมารอรับลูกกลับบ้าน โดยชาวบ้านรายหนึ่งกล่าวว่า รู้สึกดีใจอย่างมากและขอบคุณทางการไทยทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ช่วยเหลือให้ลูกได้เดินทางกลับมาที่ประเทศไทย

เครื่องบินกองทัพบกมารอรับเหยื่อ 41 ราย แต่รอเก้อเพราะทั้งหมดยังเดินทางมาไม่ถึง

“ในหมู่บ้านเดียวกันมีคนตกเป็นเหยื่อประมาณ 9 คนจากการชักชวน ซึ่งไม่มั่นใจว่าคนแรกที่ไปคือใคร แต่เพื่อนที่เดินทางไปถึงก่อนก็มีการชักชวนคนที่เหลือตามไปด้วย ลูกไม่ได้บอกว่าจะไปทำงานอะไร แต่รู้ว่าจะมีรายได้สูง ซึ่งแต่ละคนก็เคยทำงานรับจ้างในละแวกชุมชนอยู่ก่อน รายได้ไม่สูงมาก เมื่อเดินทางไปช่วงประมาณ 3 เดือนแรกก็เป็นปกติ ติดต่อลูกได้ แต่หลังจาก 3 เดือน ลูกบอกว่าคุยโทรศัพท์นานๆไม่ได้ ต้องยืมโทรศัพท์เพื่อนโทรมา เพราะมีคนคอยยืนจี้อยู่ คุยโทรศัพท์ได้ครั้งหนึ่งไม่นานนัก พูดอะไรมากไม่ได้ ลูกบอกว่าโดนกักขัง ออกมาไม่ได้ อยากกลับบ้าน คุยไม่นานก็ต้องวางสายไป ซึ่งรวมระยะเวลาทั้งหมดที่ได้ไปทำงานประมาณ 6 เดือน ไม่รู้ว่าได้เงินเท่าไรแต่ไม่เคยได้ส่งเงินกลับมาทางบ้านเลย หลังจากนี้คงไม่ให้ลูกไปทำงานที่ต่างประเทศแล้ว”แม่ของเหยื่อรายหนึ่ง กล่าว

นายรังสิมันส์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ แถลงภายหลังการประชุมคณะกมธ.ว่า ได้มีการพิจารณาเรื่องการช่วยเหลือคนไทยในเมืองเล้าก์ก่าย โดยเชิญผู้กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกองทัพบก มาชี้แจง โดยข้อมูลที่ได้รับยืนยันตรงกันว่ามีคนไทยรอความช่วยเหลือแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือที่เมืองเล้าก์ก่าย 254 คนโดยอยู่ในการดูแลของทางการพม่า 165 คน และอีก 41 คนกำลังเดินทางมายังประเทศไทยแต่ยังมาไม่ถึง คงต้องกระบวนการต่อไปซึ่งพอทราบอุปสรรคบางอย่าง อย่างไรก็ตาม กมธ.ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามเร่งรัดกระบวนการ ส่วนความช่วยเหลือคนที่เหลือต้องยอมรับว่าความช่วยเหลือของหน่วยงานต่างๆไม่ง่าย แต่ได้เห็นความพยายามโดยเฉพาะกองทัพบกซึ่งได้เห็นถึงความตั้งใจ แต่ความตั้งใจอย่างเดียวไม่พอ

“กมธ.มีมติส่งให้รัฐบาลเร่งรัดแก้ปัญหาช่วยเหลือคนไทยในเล้าก์ก่ายออกมาเร่งด่วนสุด และควรตั้งวอร์รูมได้แล้ว เพราะทุกฝ่ายที่ให้ข้อมูลมาตรงกันว่าสถานการณ์วันนี้รุนแรงและน่ากังวลใจที่สุด วันนี้สถานการณ์เลวร้ายจริงๆถ้าเราไม่เร่งทำอะไร ไม่ใช่แค่คนไทยที่เล้าก์ก่ายที่รอคอยความช่วยเหลือเท่านั้น แต่ยังมีที่อื่นอีกมากที่รอช่วยเหลืออีกมาก วันนี้จึงเป็นบทพิสุจน์ หากเราช่วยคนไทยที่เล้าก์ก่ายไม่ได้ ก็ไม่มีศักยภาพช่วยที่อื่นได้ เราอาจยังไม่มีคำตอบให้พี่น้องประชาชนว่าเมื่อไรคนที่ติดที่เล้าก์ก่ายได้กลับบ้าน คงต้องมีการยกระดับเพื่อให้คนไทยปลอดภัยมากที่สุด”นายรังสิมันส์ กล่าว

On Key

Related Posts

คำประกาศแม่น้ำโขงชี้เขื่อนไม่ใช่พลังงานสะอาด-ส่งผลกระทบต่อชีวิตประชาชน-สิ่งแวดล้อมรุนแรง แนะรัฐฟังเสียงประชาชน “วิโรจน์”เตรียมส่ง สตง.-ป.ป.ช.จี้นายกฯตรวจสอบอย่างโปร่งใส-รับผิดชอบ

เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2566 ที่โฮงเฮียนแม่น้ำโขง อRead More →

ผู้แทนสถานทูตจีนแจงวิสัยทัศน์แม่น้ำโขงให้ชุมชนริมโขง เผย 5 ประเทศร่วมดื่มน้ำสายเดียวกัน  ศ.สุริชัยชี้ความโปร่งใสในการสร้างเขื่อนไม่มีจริง สส.ก้าวไกลถามหามาตรฐานอีไอเอ

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2566 ที่โฮงเฮียนแม่น้ำของ อ.Read More →

แนะดึง ป.ป.ช.-สตง.ตรวจสอบเขื่อนปากแบง “วิโรจน์”ชี้ยุทธวิธีแม่น้ำ 4 สายร่วมกสม.-สภาส่งจัดทำข้อเสนอส่งนายกฯ ผู้นำท้องถิ่นน้อยใจรัฐไม่เคยฟังเสียงชาวบ้าน ระบุพื้นที่เกษตรนับพันไร่ได้รับผลกระทบแต่ไม่เคยมีหน่วยงานรัฐแจง

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2566 ที่โฮงเฮียนแม่น้ำของ อ.Read More →