สำนักข่าวชายขอบ
Transborder News

ทางการพม่ายืนยันส่งกลับ 41 คนไทยเหยื่อค้ามนุษย์ในเล้าก์ก่าย ครอบครัวในไทยยื่นหนังสือวอนจีนเปิดทางรับคนที่เหลือข้ามแดน “บิ๊กโจ๊ก”บินด่วนรับ 200 คนไทย

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2566 นายจารุวัฒน์ จิณห์มรรคา รองประธานมูลนิธิอิมมานูเอล ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือคนไทยเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ทั้งกลุ่ม 41 คนที่ยังติดอยู่ที่เมืองเชียงตุง ประเทศพม่า ว่าขณะนี้มีหนังสืออย่างเป็นทางการจากทางการพม่าว่าจะมีการส่งตัว 41 คนกลับไทยในวันที่ 18 พฤศจิกายนแต่ในส่วนของคนไทยอีก 251 คนที่เมืองเล้าก์ก่าย ขอให้รอทางกระทรวงการต่างประเทศ เป็นคนให้ข้อมูลอย่างเป็นทางการอีกครั้ง แต่ยืนยันว่าทั้งหมดจะได้รับความปลอดภัยจากสถานการณ์การสู้รบอย่างแน่นอน

นายจารุวัฒน์ กล่าวถึงการเกิดแผ่นดินไหวในช่วงเช้าว่า คนไทยทั้งหมดปลอดภัยอยู่ในสถานพักพิงชั่วคราวของตรวจคนเข้าเมืองพม่าที่มีความแข็งแรง มีอาสาสมัครของมูนิธิไปเยี่ยมดูแลโดยคนไทยทุกคนอยากกลับบ้าน ซึ่งอาสาสมัครได้รับข่าวดี จึงได้แจ้งกับคนไทย 41 คนได้รับทราบว่าจะได้กลับบ้านในวันพรุ่งนี้ และได้แจ้งข่าวดีนี้กับผู้ปกครอง ทุกคนดีใจและจะรวมกลุ่มไปรับพร้อมกันด้วย ทันทีที่มีการเดินทางออกมา อาสาสมัครในพื้นที่ก็จะแจ้งให้ทราบ

นายจารุวัฒน์ กล่าวว่ากลุ่มคนไทยที่จะได้รับการช่วยเหลือเป็นเหยื่อในขบวนการค้ามนุษย์ โดยมูลนิธิฯไดเรับเรื่องจากผู้ปกครองของเหยื่อแจ้งมาว่าลูกถูกหลอกไปทำงานผ่านทางช่องทางออนไลน์ ซึ่งสังคมอาจมีการตั้งคำถามว่าเขาถูกหลอกจริงหรือเปล่า สมัครใจไปทำงานผิดกฎหมายหรือเปล่า เรายืนยันว่ามีหลักฐานชัดเจน ที่ระบุได้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้ถูกหลอกจากโฆษณาชวนเชื่อต่างๆ หลงกลไป เมื่อตกเป็นเหยื่อแล้วก็ถูกหลอกซ้ำอ้างว่าหากชวนคนมาได้เพิ่มจะได้รับการปล่อยตัว จึงเกิดเป็นห่วงโซ่ของการหลอกลวง เขาถูกบังคับให้ไปหลอกคนแล้วทุกคนก็ออกมาไม่ได้ ทุกคนเดือดร้อนกันหมด

“พฤติกรรมของขบวนการค้ามนุษย์คือซื้อตั๋วเครื่องบินให้ไปลงมัณฑะเลย์ บอกว่าจะพาไปทำงานในเมืองย่างกุ้ง แต่พาไปเมืองเล้าก์ก่าย เป็นเขตที่สถานทูตไทยก็ประกาศเตือนไม่ให้คนไทยเข้าไปแล้ว เมื่อไปอยู่ในนั้น ถูกบังคับให้เป็นอาชญากร ทำงานผิดกฎหมาย ถ้าไม่ทำก็ถูกทำร้ายร่างกาย บางรายเสียชีวิต โดยเฉพาะในกลุ่ม 41 คนนี้ มีหลายคนก็ถูกทำร้ายร่างกายอย่างหนัก หากไม่เชื่อฟังหรือจับได้ว่าแจ้งขอความช่วยเหลือ ดังนั้นการประสานงานเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐในพม่าด้วย จึงไม่มีกรณีใดแจ้งความเพราะเสี่ยงต่อความปลอดภัย เน้นไปที่การประสานงานเพื่อขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง”นายจารุวัฒน์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน กระทรวงกลาโหมของไทยได้นำเครื่องบินจากกรุงเทพฯบินมายังจังหวัดเชียงรายเพื่อรับกลุ่มคนไทย 41 คนโดยเชิญสื่อมวลชนแขนงต่างๆมาร่วมทำข่าว โดยคาดว่าจะสามารถรับเหยื่อค้ามนุษย์กลุ่มนี้ในวันเดียวกัน แต่ปรากฏว่าทางการพม่ายังไม่เสร็จสิ้นงานธุรการทำให้ไม่สามารถส่งคนไทยกลุ่มนี้ข้ามแดนมายังฝั่งไทยได้ ทำให้เกิดข่าวลือต่างๆมากมายและคนไทยทั้ง 41 คนต้องพักอยู่ที่เมืองเชียงตุง และยังไม่มีความชัดเจนว่าจะข้ามมาถึงฝั่งไทยเมื่อไร ในที่สุดเช้าวันนี้(17 พฤศจิกายน) เครื่องบินของกองทัพบกลำนี้จึงได้ขนนักข่าวกลับ กทม.

วันเดียวกัน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ “บิ๊กโจ๊ก”รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยกรณีการช่วยเหลือคนไทยในพื้นที่ เล้าก์ก่าย ว่า ได้มีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ทางการจีน เพื่อจะให้กดดันกองกำลังพันธมิตร ให้ประสานกับทางพม่าให้ช่วยเหลือคนไทยและพากลับประเทศไทยให้ได้ โดยในวันที่18 พฤศจิกายน จะมีการเคลื่อนย้ายคนไทยไปในเส้นทางที่ปลอดภัยและเข้าไปยังพื้นที่ของประเทศจีน ซึ่งทางการจีนได้เปิดพื้นที่รองรับเอาไว้แล้ว

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ในวันที่ 18 พฤศจิกายน ตนพร้อมคณะทำงานจะเดินทางไปที่เมืองคุณหมิง ประเทศจีน ด้วยสายการบินพาณิชย์ เพื่อรับตัวคนไทยกว่า 200 คน เดินทางกลับมายังประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลจะออกค่าใช้จ่ายให้ก่อน จากนั้นตามกระบวนเมื่อรับตัวคนไทยทั้งหมดมาแล้ว ก็จะพาไปยังศูนย์คัดแยกเหยื่อที่หนองจอก เพื่อตรวจสอบและคัดแยกว่า บุคคลใดเป็นผู้ต้องหาในคดี ก็จะถูกตั้งข้อหาดำเนินคดีตามกฎหมาย และหากบุคคลใดเป็นเหยื่อจากการถูกกระทำ ก็จะได้รับการช่วยเหลือตามขั้นตอนต่อไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุอีกว่า ประเทศไทยไม่มีพื้นที่การตั้งศูนย์คอลเซ็นเตอร์ แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในฝั่งของประเทศเพื่อนบ้าน และใช้ไทยเป็นทางผ่าน ในกรณีนี้จากประสบการณ์การทำงานของตนเอง เชื่อว่าจะมีผู้กระทำความผิดประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือคือเหยื่อที่ถูกหลอกไปทั้งสิ้น โดยทางเจ้าหน้าที่จะต้องตรวจสอบและคัดแยกอย่างละเอียด โดยใช้พนักงานสอบสวนของ กองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในหน้างานของ ปคม. และ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ในการเข้ามาดูส่วนนี้ พร้อมทั้งประสานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขจัดทีมแพทย์เข้ามาดูเรื่องสุขอนามัยด้วย ขอยืนยันกับญาติของคนไทยที่เล้าก์ก่ายว่า จะช่วยเหลือคนไทยกลับมาได้อย่างแน่นอน ไม่ต้องกังวลแต่อย่างใด

ในช่วงเช้าวันเดียวกันญาติคนไทยในเล้าก์ก่าย ยื่นหนังสือต่อตัวแทนสถานเอกอัครราชทูตจีนเพื่อขอให้เปิดช่องทางช่วยอพยพคนไทยในเมืองเล้าก์ก่าย หลังจากนั้นทั้งหมดได้เดินทางยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล โดยนางภาวิณี ไผทฉันท์ ซึ่งลูกติดอยู่ในเล้าก์ก่าย กล่าวว่ายื่นหนังสือขอความเมตตาต่อสถานทูตจีนประจำประเทศไทย ให้ช่วยเหลือลูกของตน เนื่องจากโดนหลอกให้ไปทำงานที่เมืองเล้าก์ก่าย ขณะนี้ได้ทราบข่าวว่า ทหารเมียนมาได้เข้าช่วยเหลือ และอพยพลูกของพวกเรามาอยู่ในค่ายทหารแล้ว แต่ยังไม่สามารถออกจากเขตเมียนมาได้ จึงมายื่นหนังสือให้สถานทูตจีน ช่วยดำเนินการช่วยเหลือต่อ และเปิดทางให้คนไทยกว่า 200 คน เข้าลี้ภัยในสาธารณรัฐประชาชนจีน

On Key

Related Posts

คำประกาศแม่น้ำโขงชี้เขื่อนไม่ใช่พลังงานสะอาด-ส่งผลกระทบต่อชีวิตประชาชน-สิ่งแวดล้อมรุนแรง แนะรัฐฟังเสียงประชาชน “วิโรจน์”เตรียมส่ง สตง.-ป.ป.ช.จี้นายกฯตรวจสอบอย่างโปร่งใส-รับผิดชอบ

เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2566 ที่โฮงเฮียนแม่น้ำโขง อRead More →

ผู้แทนสถานทูตจีนแจงวิสัยทัศน์แม่น้ำโขงให้ชุมชนริมโขง เผย 5 ประเทศร่วมดื่มน้ำสายเดียวกัน  ศ.สุริชัยชี้ความโปร่งใสในการสร้างเขื่อนไม่มีจริง สส.ก้าวไกลถามหามาตรฐานอีไอเอ

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2566 ที่โฮงเฮียนแม่น้ำของ อ.Read More →

แนะดึง ป.ป.ช.-สตง.ตรวจสอบเขื่อนปากแบง “วิโรจน์”ชี้ยุทธวิธีแม่น้ำ 4 สายร่วมกสม.-สภาส่งจัดทำข้อเสนอส่งนายกฯ ผู้นำท้องถิ่นน้อยใจรัฐไม่เคยฟังเสียงชาวบ้าน ระบุพื้นที่เกษตรนับพันไร่ได้รับผลกระทบแต่ไม่เคยมีหน่วยงานรัฐแจง

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2566 ที่โฮงเฮียนแม่น้ำของ อ.Read More →