เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 นายคูพลูเหร่ (Khu Plu Reh) โฆษกสภาบริหารรัฐคะเรนนีชั่วคราว (Interim Executive Council of Karenni State-IEC) ให้สัมภาษณ์ “สำนักข่าวชายขอบ” ผ่านแอปพลิเคชั่นทางโทรศัพท์จากยอดดอยสมรภูมิรบในรัฐคะเรนนี ว่าขณะนี้สถานการณ์การสู้รบในรัฐคะเรนนีระหว่างกองกำลังปฏิวัติและกองทัพพม่ากำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะที่เมืองลอยก่อ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐคะเรนนี กองทัพพม่าได้โจมตีและทำลายบ้านเรือนและสถานที่ต่างๆ อย่างหนักและต่อเนื่องด้วยอาวุธหนักต่างๆ และเครื่องบินทิ้งระเบิด ทำให้ประชาชนเหลืออยู่ในเมืองเพียง 10,000 คน เท่านั้น
โฆษก IEC กล่าวว่ากองทัพคะเรนนี (Karenni Army-KA) ได้แนะนำให้ประชาชนออกจากเมืองลอยก่อทันทีเนื่องจากอยู่ในสถานการณ์อันตรายอย่างยิ่งเพราะเป็นสนามรบโดยสมบูรณ์โดยสองวันที่แล้วมีประชาชนผู้บริสุทธิ์ 13 คน ถูกทหารพม่าสังหารในเมืองลอยก่อ แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ทหารพม่าได้ถอนตัวออกไปแล้ว ที่ยังอยู่ในเมืองก็พยายามป้องกันฐานของตัวเองอย่างเต็มที่ แม้มีความพยายามส่งทหารกองหนุนเข้ามาอีก แต่ก็เรียกได้ว่าขณะนี้ระบบราชการของพม่าในเมืองลอยก่อและเมืองต่างๆ ในรัฐคะเรนนีทำงานไม่ได้แล้ว สำหรับพื้นที่อื่นๆ ในรัฐคะเรนนี ยังไม่มีการสู้รบในขณะนี้ แต่ประชาชนก็ต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่น ยังไม่สามารถกลับเข้าหมู่บ้านได้เนื่องจากทหารพม่าฝังกับระเบิดไว้จำนวนมาก ต้องดำเนินการถอนกับระเบิดก่อน
“ขณะนี้ IEC ได้เริ่มการดำเนินการบริหารรัฐคะเรนนีแล้ว โดยมี 7 กรมที่ดูแลทุกด้านสำหรับประชาชนชาวคะเรนนี พวกเราเริ่มก่อตั้งคณะบริหารเมืองต่างๆ โดยจะมีทั้งหมด 11 เมือง เป็นคณะร่วมระหว่างกองกำลังปฏิวัติและประชาชน เราวางโครงสร้างไว้อย่างชัดเจน ตอนนี้เริ่มที่เมืองพรูโส่ และคาดว่าภายในปีนี้จะสามารถตั้งคณะบริหารเมืองได้อย่างน้อย 2 แห่ง” นายคูพลูเหร่ กล่าว
เขากล่าวด้วยว่า ขณะนี้ประชาชนมากกว่า 2 แสนคนในรัฐคะเรนนีอยู่ในสถานการณ์วิกฤติสิทธิมนุษยธรรม ไม่สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือและสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีพ เพราะเส้นทางต่างๆ ถูกตัดขาด หากจะสามารถให้ส่งของบรรเทาทุกข์และความช่วยเหลือจากชายแดนไทยเข้าไปได้ ก็จะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนได้เป็นอย่างมาก ประชาชนชาวคะเรนนีที่อพยพหนีภัยความตายเข้ามายังพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวใน จ.แม่ฮ่องสอน ขณะนี้ต้องกลับไปแล้วจำนวนมาก แต่ก็ไม่สามารถกลับคืนสู่บ้านเรือนได้เพราะไม่มีความปลอดภัยใดๆ ทุกคนยังต้องอยู่ในค่ายผู้พลัดถิ่น (IDP camps) และจำเป็นต้องมีการให้ความช่วยเหลือ
“พวกเราที่อยู่ในพื้นที่ตอนนี้การติดต่อสื่อสารก็เป็นไปอย่างยากลำบาก ประชาชนของเราก็อยู่ในภาวะขาดแคลนเป็นอย่างมาก หากประเทศไทยจะเปิดให้สามารถส่งความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมให้ผู้ที่เดือดร้อนก็จะสามารถช่วยได้มาก”โฆษก IEC กล่าว
ในวันเดียวกันสำนักข่าวคะเรนนี กันตรวดีไทมส์ ได้นำเสนอข่าวว่า สภาบริหารรัฐคะเรนนีชั่วคราวได้เนรเทศอธิการบดีมหาวิทยาลัยลอยก่อ ออกไปพ้นรัฐคะเรนนี ซึ่งก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วันก็ได้มีคำสั่งเนรเทศพนักงานของรัฐกว่า 70 คนออกนอกรัฐคะเรนนีเช่นเดียวกันเนื่องจากความเกี่ยวข้องโดยตรงกับเผด็จการกองทัพพม่า
