สำนักข่าว Mizzima รายงานเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2566 ว่านางสิ่นหม่าอ่อง รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (National Unity Government: NUG )ซึ่งจัดตั้งโดยฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตย ได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Nikkei Asia magazine ที่กรุงโตเกียวเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมาว่า กองทัพพม่ากำลังล่มสลายเพราะเผชิญกับกลุ่มติดอาวุธต่อต้านรอบด้านอย่างที่ไม่เคยเผชิญมาก่อน
รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ NUG กล่าวตอนหนึ่งด้วยว่า ขณะนี้ขวัญและกำลังใจของทหารพม่าอยู่ในระดับต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์เพราะสูญเสียเหตุผลที่จะบริหารปกครอง นอกจากนี้มีทหารพม่าหนีทัพมาร่วมกับ NUG เป็นจำนวนมาก และค่ายทหารพม่าส่วนใหญ่ก็พร้อมที่จะยอมวางอาวุธและยอมแพ้ โดยเชื่อว่า กองทัพพม่าพร้อมที่จะสลายเอง เนื่องจากถูกโจมตีจากฝ่ายต่อต้าน
รัฐมนตรีต่างประเทศของ NUG กล่าวว่า NUG มุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนกองทัพที่ไม่เป็นมืออาชีพให้เป็นกองทัพที่อุทิศตนเพื่อปกป้องประชาชนและสถาบันซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนผ่านสู่ระบอบประชาธิปไตย นอกจากนี้รัฐบาล NUG ไม่ได้ต้องการที่จะยุบกองทัพทั้งหมด แต่ต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงกองทัพ โดยต้องการวีรบุรุษและนักปฏิรูปเข้ามาทำงานในกองทัพโดยความเคลื่อนไหวขั้นต่อไปจากฝ่ายต่อต่อต้านกำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้อย่างไรก็ตามการเจรจาทางการเมืองจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากผู้นำกองทัพพม่าไม่ยอมปฏิบัติตามฉันทมติ 5 ข้อของอาเซียน
อีกด้านหนึ่ง หนังสือพิมพ์ของกองทัพพม่าได้เผยแพร่คำประกาศว่า กองทัพจะไม่เอาผิดทหารที่หายตัวไปโดยไม่แจ้งลา และจะไม่เอาผิดต่อความผิดอาชญากรรมเล็กๆน้อยๆหากกลับไปปฏิบัติหน้าที่ แต่ไม่ได้ระบุเฉพาะเจาะจงว่าเป็นความผิดอะไร โดยทางกองทัพพม่าเรียกร้องให้ทหารกลับไปปฏิบัติหน้าที่ยังฐานทัพของตัวเอง โดยสำนักข่าว Irrawaddy วิเคราะห์ว่า นี่อาจสะท้อนวิกฤติของกองทัพพม่าหรือไม่ จากการที่ต้องทำศึกรอบด้านกับฝ่ายต่อต้านทั่วประเทศ
จ่าสิบเอกรายหนึ่งซึ่งปัจจุบันยังรับราชการในกองทัพพม่าและเคยมีส่วนร่วมในการจับกุมทหารหลบหนีจากกองทัพให้สัมภาษณ์สำนักข่าว Irrawaddy ว่า ไม่เพียงแต่มีทหารจำนวนมากที่ตัดสินใจทิ้งกองทัพไป แม้แต่ทหารที่ยังอยู่ในกองทัพตอนนี้ก็ต้องการที่จะหลบหนีออกจากกองทัพพม่าด้วยเช่นเดียวกัน
“คนที่หนีทหารจะไม่มีทางกลับมาอีก” จ่าสิบเอกรายนี้กล่าว และว่าจากประสบการณ์ของเขา ทหารที่หนีทัพและถูกจับกุม จะหลบหนีอีกครั้งหลังจากรับโทษแล้วเสร็จ
“ไม่มีใครอยากรับราชการในกองทัพที่มีผู้นำทำตามอำเภอใจเช่นนี้ ผมไม่เคยได้ยินประกาศเช่นนี้มาก่อน” จ่าสิบเอกรายนี้กล่าวถึงคำประกาศในหนังสือพิมพ์ของกองทัพพม่า
ขณะเดียวกัน NUG ยังนำเสนอข้อมูลว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีทหารและตำรวจแปรพักตร์จากกองทัพพม่าแล้วราว 20,000 คน และจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 ทหารพม่าสูญเสียฐานที่มั่น 303 แห่ง ใน 19 เมืองทั่วประเทศให้กับฝ่ายต่อต้าน ทหารพม่าในหลายรัฐ เช่น รัฐฉาน รัฐชิน รัฐคะเรนนี รัฐยะไข่ ได้ยอมวางอาวุธให้กับกลุ่มติดอาวุธฝ่ายต่อต้านโดยนับตั้งแต่ปฏิบัติการโจมตี 1027 ทางเหนือรัฐฉานมีรายงานว่ากองทัพพม่าได้บังคับเกณฑ์ทหารมากขึ้นและมีการบังคับสมาชิกของครอบครัวทหารเข้ารับการฝึกทหารด้วย