Search

ทัพพม่ายังถล่มหนักเมืองลอยก่อ นักเรียนวิกฤต-ขาดแคลนอุปกรณ์การศึกษาหนัก

เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2566 สำนักข่าวกันตรวดีไทมส์ของทางการคะเรนนีรายงานสถานการณ์ในรัฐคะเรนนี ตรงข้าม อ.เมือง และ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน ว่าเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันคริสต์มาส กองทัพพม่าได้ใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดเมืองลอยก่อ 34 ครั้ง และใช้ระเบิดหนัก 500 ปอนด์ โดยอ้างอิงสัมภาษณ์พันเอกบุรนัย ผู้บัญชาการกองทัพรัฐคะเรนนี (Karenni Army-KA) ซึ่งระบุว่าวันต่อมาก็มีการส่งเครื่องบินมาทิ้งระเบิดอีก 2 ครั้ง

สำนักข่าวกันตรวดีไทมส์ รายงานด้วยว่าตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นปฏิบัติการทางการทหารของฝ่ายต่อต้านเผด็จการทหารพม่า นับจนถึงวันนี้การสู้รบยังคงดุเดือด โดยชายคนหนึ่งจากเมืองลอยก่อกล่าวว่า เนื่องจากเครื่องบินของทหารพม่าบินมาทิ้งระเบิดทุกวัน ทำให้ไม่มีคนในพื้นที่เมืองลอยก่ออีกต่อไป และไม่มีผู้คนทำธุรกิจหรือค้าขายใดๆ

“สภาทหารพม่าส่งเครื่องบินถล่มเมืองทั้งเมือง การใช้อาวุธหนักเกิดขึ้นทุกวัน แต่ตามพื้นที่ย่านใกล้เคียงยังมีคนอยู่จำนวนมาก การทำธุรกรรมไม่มีอะไร แล้วยาล่ะ” ชายจากเมืองลอยก่อกล่าว และว่าเนื่องจากไม่มีการค้าขายอาหาร ตามที่ชาวบ้านระบุว่าการได้รับยาและสินค้าอุปโภคบริโภคจึงเป็นเรื่องยาก

สำนักข่าวกันตรวดีไทมส์รายงานว่า ทางด้านการศึกษาของเด็กๆ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการสู้รบ กลายเป็นผู้พลัดถิ่นในรัฐคะเรนนี ปัจจุบันตกอยู่ในภาวะขาดแคลนสถานที่เรียนและอุปกรณ์การเรียน ซึ่งในค่ายผู้พลัดถิ่น (IDP camps) ในเมืองแม่เจ๊ะ ตรงข้าม ต.เสาหิน อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน สามารถเปิดสอนให้เด็กในจำนวนจำกัดเท่านั้น ในค่ายหมายเลข 8 ซึ่งมีประชากรผู้พลัดถิ่นมากกว่า 1,000 คน ครึ่งหนึ่งเป็นเด็กวัยเรียน แต่ห้องเรียน ครู และและอุปกรณ์การเรียนอยู่ในภาวะขาดแคลนอย่างหนัก คณะกรรมการโรงเรียนที่ดูแลค่ายผู้พลัดถิ่นกล่าวว่าโรงเรียนเปิดสอนได้จนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 เท่านั้น

“ตอนเราเปิดโรงเรียนครั้งแรก มีการสอนชั้นประถมศึกษาปีที่ 8 และ 9 เ แต่เครื่องมือ หนังสือ อุปกรณ์ ครู ทุกอย่างจำกัดมาก จึงสอนได้เพียงประถม 7 ” 1 ในผู้ดูแลคณะกรรมการโรงเรียนกล่าว โดยในค่ายแห่งนี้มีนักเรียนประมาณ 250 คน ครูอาสาสมัคร 16 คน

ครูอาสาสมัครกล่าวว่าไม่มีตำราเรียนให้นักเรียน หนังสือไม่เพียงพอ เด็กๆ ไม่อ่านหนังสือ และส่วนใหญ่เขียนสอนบนไวท์บอร์ด ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาในการเขียนนานมาก

ขณะที่ค่ายผู้พลัดถิ่นอีกแห่งซึ่งมีประชาชนที่หนีมาจากเมืองผาซอง และบอลาเค มีครูและหนังสือที่ที่สามารถสอนได้ไม่เกินชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เท่านั้น ทั้งๆ ที่มีเด็กนักเรียนถึงชั้นประถม 9 แต่ก็ไม่สามารถจัดการเรียนการสอนให้ได้ ทั้งนี้สภาบริหารชั่วคราวของรัฐคะเรนนี (IEC) ระบุว่าปัจจุบันมีโรงเรียน 400 แห่งในรัฐคะเรนนี มีครูซึ่งเป็นอาสาสมัครและเป็นผู้พลัดถิ่นเช่นเดียวกันจำนวน 3,500 คน และนักเรียน 40,000 คน