Search

กลุ่มคนงานเก็บลูกเบอร์รี่เคลื่อนไหวทวงสัญญา-ยื่น 5 ข้อเรียกร้อง จี้รัฐเยียวยาเร่งรัดคดีค้ามนุษย์-เผยกรมการจัดหางานประทับตราสัญญาทุกฉบับ

เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันที่ 7-8 กุมภาพันธ์นี้ เครือข่ายแรงงานเก็บเบอร์รี่ป่าในสวีเดนและฟินแลนด์ จะเดินทางมายื่นหนังสือเรียกร้องให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเร่งรัดคดีค้ามนุษย์ ภายหลังจากปัญหาการหลอกลวงแรงงานชาวอีสานให้ไปขายแรงงานเก็บเบอร์รี่ที่ประเทศฟินแลนด์ กับสวีเดน หรือที่พวกเขาเรียกว่า “กลุ่มเบอร์รี่เลือด”ซึ่งถูกจ้างงานไม่เป็นธรรมและสัญญาการจ้างงานมีแนวโน้มเป็นลักษณะของการค้ามนุษย์ อยู่ระหว่างการต่อสู้คดีฟ้องร้องเรียกค่าชดเชย 

ทั้งนี้คนงานเก็บเบอร์รี่ป่าในสวีเดนและฟินแลนด์ จะเดินทางเข้า กทม.ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ก่อนปักหลักค้างคืนทำกิจกรรม 1 คืน หลังจากนั้นในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ จะไปยื่นหนังสือเรียกร้องให้มีการเร่งรัดคดีค้ามนุษย์ เยียวยาคนงานระหว่างสู้คดี และให้ขบวนการค้ามนุษย์ที่เรียกว่าเบอร์รี่เลือดยุติอย่างจริงจัง 

เครือข่ายแรงงานเก็บเบอร์รี่ป่าในสวีเดนและฟินแลนด์ ได้ส่งกำหนดการให้สื่อมวลชนโดยระบุว่า จะเดินทางไปยื่นหนังสือ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ เวลา 09.30 น. สถานทูตสวีเดน ,สถานทูตฟินแลนด์ ,สำนักงานของคณะผู้แทนสหภาพยุโรปฯ ,อาคารสหประชาชาติ และทำเนียบรัฐบาล  และในขณะที่ 8 กุมภาพันธ์ จะไปยื่นหนังสือที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ,กระทรวงยุติธรรม และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)  ซึ่งการทำกิจกรรมและยื่นหนังสือครั้งนี้ ทางเครือข่ายระบุว่าต้องการทวงสิทธิแรงงานที่พึงมีและผลักดันให้เกิดการจ้างงานที่เป็นธรรม เพื่อไม่ให้ใครต้องถูกพาไปกดขี่ขูดรีดในต่างแดนอีก 

ทั้งนี้ได้มีการระบุข้อเรียกร้องประกอบด้วย 1.หยุดระบอบค้ามนุษย์แรงงานไทยไปเก็บเบอร์รี่ที่สวีเดนและฟินแลนด์โดยทันที จนกว่าคนงานที่เสียหายจะได้รับการชดเชย และจนกว่าจะมีการเจรจากรอบกฎหมายแรงงานที่คุ้มครองผลประโยชน์ให้คนงานอย่างเต็มที่ 2.ฟินแลนด์และสวีเดน จะต้องสร้างความมั่นใจว่าจะมีมาตรการเร่งรัดสอบสวนดำเนินคดีกับทุกคนและทุกฝ่ายที่ร่วมกันก่ออาชญากรรมค้ามนุษย์ 3.เพื่อให้สอดคล้องกับกลไกปกป้องและดูแลผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ที่มีกรอบกฎหมายอยู่แล้ว จะต้องมีการดำเนินการช่วยเหลือทางกฎหมายและทางการเงินแก่แรงงานเก็บเบอร์รี่ชาวไทย 

4.เปิดให้มีการเจรจาใหม่ โดยกรอบของวิถีรัฐต่อรัฐ G2G (รัฐบาลต่อรัฐบาล) ทั้งนี้จะต้องยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ โดยที่มีตัวแทนคนงานเก็บเบอร์รี่ป่าเข้าร่วมเจรจาด้วย 5.จนกว่าการสืบสวนคดีอาชญากรรมข้ามชาติในปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ในอุตสาหกรรมเบอร์รี่ป่าของสวีเดนและฟินแลนด์ จะดำเนินการสอบสวนจนได้ข้อยุติ  อุตสาหกรรมเบอร์รี่ป่าของสวีเดนและฟินแลนด์ ควรถูกขึ้นบัญชีดำโดยสหภาพยุโรป 

นางอรนุช ผลภิญโญ ทีมที่ปรึกษาเครือข่ายแรงงานเก็บเบอร์รี่ป่าฯ กล่าวว่า มีแรงงานไทยเดินทางไปเก็บเบอร์รี่ป่าที่ประเทศฟินแลนด์และสวีเดนมากมาย ทำงานล่วงเวลา แต่สุดท้ายก็ไม่มีเงินเพียงพอ เป็นหนี้เป็นสินบางเคสก็ฆ่าตัวตาย 

“ทุกคนจะมีหนี้สินหมดเลย คนที่เดือดร้อนกลับมาอาจจะเหลือเงิน 2-3 หมื่นบาท มันก็ไม่เพียงพอต่อการลงทุนเดินทางไป ระยะเวลาที่ไปทำงานทั้งหมดประมาณ 2-3 เดือน ได้เงินมา 2-3 หมื่นบาทมันก็ไม่คุ้ม เหมือนทำงานเพื่อใช้หนี้ที่บริษัทตั้งไว้” นางอรนุช กล่าว 

ที่ปรึกษาเครือข่ายแรงงานเก็บเบอร์รี่ป่าฯ ยืนยันว่าการเดินทางไปประเทศฟินแลนด์และสวีเดนนั้นผ่านนายหน้ากับกรมจัดหางาน กระทรวงแรงงาน แต่เป็นขบวนการที่ถูกทำให้เป็นระบบ 

“มีนายหน้าเข้าไปติดต่อชักชวนคนงานในหมู่บ้านว่าถ้าไป 3 เดือนก็ได้เงินเป็นแสนบาท ใครขยันทำงานมากก็จะได้มาก แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่อย่างนั้น ถึงขยันมากแค่ไหนก็ไม่มีทางได้เงินกลับมาเป็นกอบเป็นกำ  หลังจากนั้นมีขบวนการติดต่อทำเอกสาร มีค่าใช้จ่าย เก็บเงินตั้งแต่เราไปในสัญญา ทุกคนเป็นหนี้แสนกว่าบาทเลยตั้งแต่เราคิดว่าจะไปแล้ว มีการกดราคาเบอร์รี่ด้วย บางบริษัท บางเคส บางปีก็ไม่ได้ไปในนามบริษัทแต่ไปในนามนักท่องเที่ยว ตรงนี้ก็จะไม่ถูกช่วยเหลือครอบคลุมโดยรัฐเพราะผิดเงื่อนไขระเบียบ ที่กระทรวงแรงงานเข้ามาเกี่ยวก็คือกรมการจัดหางานได้มีการจัดอบรม สัญญาทุกฉบับ กรมจัดหางานจะเป็นผู้ประทับตราเหมือนรัฐรับรอง แต่เมื่ออบรมเสร็จเขาก็จะเก็บสัญญาคืน ไม่ให้เอกสารกับแรงงานเลย ซึ่งไปถึงแล้วงานก็มีความเสี่ยงเพราะไม่มีใครบอกเลยว่าตรงไหนมีเบอร์รี่ต้องเข้าป่าไปหาเอง” นางอรนุช กล่าว 

นางอรนุช กล่าวว่า ต้องการให้หยุดการค้าแรงงานเบอร์รี่ก่อน  

“ที่ประเทศฟินแลนด์ก็มีการพูดถึงการค้ามนุษย์แล้วกฎหมายเขาก็ชัดเจนเปิดเผยจริงจังกับเรื่องนี้ กำลังดำเนินคดีกับเจ้าของบริษัท ในระหว่างนี้เราหยุดก่อนได้ไหม กรมจัดหางานหรือรัฐบาลหยุดรับคนงานที่จะออกไปก่อนได้ไหม และขอให้เยียวยาคนงานที่ฟ้องร้องคดีค้ามนุษย์ทุกคนเพราะเขาก็มีความเสี่ยง ถ้าไม่มีเงินเยียวยาเลยเหมือนสิ่งที่เขาทำไปก็สูญสลายไป และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นนี้อยากให้ขึ้นบัญชีดำอุตสาหกรรมเบอร์รี่ป่า ไม่ให้บริษัทได้ส่งคนไปอีก รัฐบาลก็ต้องทำ MOU รัฐกับรัฐ หมายถึงมันจะลดความเสี่ยง” นางอรนุช กล่าว 

นางจรรยา ยิ้มประเสริฐ ผู้ร่วมก่อตั้งเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากการไปทำงานต่างประเทศ กล่าวว่าจำนวนโควต้าการไปทำงานเก็บเบอร์รี่ป่าตลอด 18 ปี มีราวๆ 120,000 วีซ่า มีคนงานเคยร่วมร้องเรียนปัญหากว่า 2,500 คน โดยเป็นกลุ่มที่ยังอยู่ในกระบวนการร้องเรียนกว่า 600  คน นอกจากนี้ยังมีผลสำรวจความเสียหายของคนงานเมื่อปี 2565 และ 2566 จำนวน 250 คน พบว่าหนี้เบอร์รี่เพียง 1 ปี พุ่งสูงขึ้นถึง 220% และคนงานเสียหายหนักมาก ต้องขายทรัพย์สินทั้ง ที่ดิน บ้านและรถยนต์ เพื่อใช้หนี้ ถูกยึดรถ ถูกเจ้าหนี้เร่งรัด ต้องพักการเรียนของบุตร เป็นต้น 

————

ขอบคุณภาพจากสำนักข่าว The Reporters

On Key

Related Posts

ผวาเหมืองทองเกลื่อนน้ำกก กองกำลังว้าจับมือจีนขุดแร่ทำลำน้ำขุ่น ชาวท่าตอนผวาเดินขบวนเรียกร้องรัฐบาลไทยปกป้อง หวั่นสารพิษปนเปื้อนลงสายน้ำแหล่งประปาของคนเชียงราย

เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2568 น.ส.หอม ผู้ประสานงานมูลRead More →

เพลงชาติกะเหรี่ยงดังกระหึ่มแม่น้ำสาละวินหลังปลอดทหารพม่าในรอบกว่า 20 ปี ชาวบ้าน 2 ฝั่งแดนร่วมจัดงานวันหยุดเขื่อนคึกคักหลังพื้นที่ปลอดทหารพม่า “ครูตี๋”ใช้บทเรียนแม่น้ำโขงถูกทำลายปางตายแนะชุมชนสู้

เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2568 ที่บริเวณหาดทรายริมแม่นRead More →