ความคืบหน้ากรณีที่กลุ่มมาเฟียจีนจัดสร้างบ่อนคาสิโนขนาดใหญ่ประกอบธุรกิจผิดกฎหมายต่างๆ เช่น ต้มตุ๋นออนไลน์ ค้าขายยาเสพติด ค้ามนุษย์ จนกลายเป็นแหล่งอาชญากรรมบริเวณริมแม่น้ำเมยในฝั่งเมืองเมียวดี ตรงข้ามกับอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยมีการหลอกลวงคนไทยและคนต่างชาตินับหมื่นคนเข้าไปทำงานและกักขังโดยใช้วิธีการทุบตีทรมานหากไม่สามารถทำยอดได้ตามเป้าหมาย
เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการลงพื้นที่ริมแม่น้ำเมยฝั่งไทย พบว่านอกจากแหล่งคาสิโนขนาดใหญ่ที่อ้างว่าเป็นเขตเศรษฐกิจอย่างชเวโก๊กโก่ และ KK Park แล้ว ขณะนี้ยังมีธุรกิจในลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นมากมาย เนื่องจากเหล่ามาเฟียจีนถูกกวาดล้างจากพื้นที่อื่นๆ เช่น เล่าก์ก่าย เขตโกก้าง ในรัฐฉานเหนือ เกาะกงในกัมพูชา หรือเมืองท่าขี้เหล็กฝั่งพม่า ต่างเข้ามาประกอบธุรกิจกันในบริเวณนี้ ทำให้ต้องมีการขยายกิจการสร้างอาคารใหม่เกิดขึ้นมากมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานได้คุยกับแหล่งข่าวด้านความมั่นคงในพื้นที่แม่สอดซึ่งเปิดเผยว่า ปัจจุบันในฝั่งเมียวดีมีการเปิดคาสิโนและธุรกิจผิดกฎหมายไม่น้อยกว่า 30 แห่ง แต่ละแห่งต่างมีกองกำลังชาติพันธุ์คอยดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่โดยรอบ ส่วนภายในมีกองกำลังที่กลุ่มคนจีนเหล่านี้จ้างไว้คอยดูแล โดยอาคารสถานที่ต่างมีกำแพงสูงหมดและห้ามคนภายนอกเข้าไปเด็ดขาด ซึ่งในช่วงหลังธุรกิจคาสิโนลดลงอย่างมากและส่วนใหญ่หันมาประกอบธุรกิจพนันออนไลน์ ต้มตุ๋นออนไลน์ด้วยวิธีการต่างๆ โดยใช้พนักงานของแต่ละชาติที่ถูกหลอกมาทำงานโทรศัพท์หรือใช้สื่อออนไลน์ติดต่อหลอกลวงคนในประเทศของตัวเองเพราะสามารถใช้ภาษาสื่อสารกันได้น่าเชื่อถือ
“ตอนนี้คนที่ถูกต้มตุ๋นมากที่สุดคือคนจีนด้วยกันเอง ทำให้ค่าหัวของคนจีนที่ถูกหลอกมาทำงานพุ่งสูงมากเป็นล้านบาท ยิ่งได้ลูกจ้างคนจีนที่เก่งในเรื่องออนไลน์ด้วยแล้ว เขาสามารถทำงานให้พวกมาเฟียได้เกินคุ้ม ส่วนใหญ่เป็นพวกวัยรุ่นที่เพิ่งเรียนจบ พวกบอสที่เป็นหัวหน้าก็เด็กๆ รุ่นใหม่ทั้งนั้น” แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวกล่าวว่า คนจีนที่ถูกหลอกมาทำงานในแหล่งอาชญากรรมเหล่านี้ เดินทางเข้ามาทางประเทศไทยเกือบทั้งหมดโดยทางเครื่องบิน มีเพียงบางส่วนที่เข้ามาทางบกด้านอำเภอแม่สาย โดยขบวนการมาเฟียจีนจะพาไว้ที่จุดพักต่างๆ ที่เขาเช่าเอาไว้ในอำเภอแม่สอด จุดหนึ่งอยู่แถวห้างสรรพสินค้าชื่อดัง จากนั้นในยามค่ำคืนจะพาข้ามแม่น้ำเมยไปฝั่งเมืองเมียวดีในเส้นทางธรรมชาติซึ่งสามารถทำได้โดยง่ายเพราะต่างมีเรือและจุดลงเรือของแต่ละแห่งอยู่แล้ว
“ที่ผู้ใหญ่ของทางการไทยบอกว่าคนต่างชาติเหล่านี้เข้ามาทางประเทศพม่านั้น เป็นเรื่องตลกมากเพราะเป็นไปไม่ได้เลย แม้แต่ทหารพม่าจากส่วนกลางยังเข้ามาที่เมียวดีไม่ได้เลย เพราะพื้นที่แถวนี้เป็นเขตยึดครองของกองกำลังชาติพันธุ์หมดแล้ว ชาวต่างชาติเหล่านี้จะมาจากสนามบินย่างกุ้งได้อย่างไร ทั้งหมดเป็นขบวนการค้ามนุษย์ที่ใช้ประเทศไทยเป็นเส้นทางผ่านและมีนายตำรวจใหญ่บางคนเป็นเจ้าของบ่อนเสียเอง มาเฟียจีนพวกนี้สามารถเข้าออกชายแดนได้อย่างฉลุยเพราะติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐไทยได้แทบทุกระดับ ผมยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เที่ยวบินที่มาลงแม่สอดแต่ละเที่ยวมีคนจีนครึ่งค่อนลำ คุณคิดว่าเขาจะไปไหนละ พอลงเครื่องก็มีรถตู้ไปรับ ด่านที่ถูกกฎหมายออกนอกประเทศไทยได้ก็มีแค่ 2 ด่านบริเวณสะพานมิตรภาพ 2 แห่ง แต่คนเหล่านี้ไม่ได้ผ่านด่านนั้นเลย เขาใช้เส้นทางธรรมชาติ คิดเอาซิแล้วใครได้ประโยชน์กันบ้าง” แหล่งข่าว กล่าว
ด้านชาวบ้านริมแม่น้ำเมย อ.แม่สอด รายหนึ่งให้สัมภาษณ์ว่า มีญาติของตนคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้หญิงและเพิ่งเรียนจบ ได้เข้าไปทำงานในคาสิโนแห่งหนึ่งริมแม่น้ำเมยฝั่งเมียวดี โดยญาติรายนี้บอกว่าถูกบังคับให้ทำงานต้มตุ๋นออนไลน์โดยหลอกชักชวนคนให้มาลงทุน ซึ่งไม่สามารถทำได้ตามเป้าจึงถูกลงโทษให้อดข้าว ขณะที่เพื่อนของญาติบางคนถูกช็อตด้วยไฟฟ้า ในที่สุดเหยื่อจึงได้โทรศัพท์มาที่แม่เพื่อให้นำเงินไปจ่ายเป็นค่าไถ่ตัว 5 หมื่นบาทจึงได้ออกมา ซึ่งในอาคารที่เขาทำงานอยู่นั้น มีทั้งคนไทยและคนต่างชาติจำนวนมากที่ถูกหลอกไปทำงาน
“หลายคนที่หนีข้ามแม่น้ำเมยมาได้ แต่ก็ไม่มีใครกล้าโวยวาย เพราะกลัวตาย วัยรุ่นในแม่สอดไม่น้อยที่ถูกหลอกไปทำงานใน KK Park และบ่อนคาสิโนฝั่งโน้น บางคนก็หนีกลับมาได้ บางคนก็หายไปเลย ที่พวกเขาไม่โวยวายเพราะรู้ดีว่าไม่มีประโยชน์เพราะพวกมาเฟียเหล่านี้เขาเข้าถึงผู้มีอำนาจในแม่สอด เขาเส้นสายดีมาก เขาจ่ายรายเดือนให้บางหน่วยงาน คนในแม่สอดต่างทราบกันดี” ชาวบ้านรายนี้กล่าว
ด้าน พล.ต.ชิเล(Sheelay) ผู้บัญชาการสูงสุดองค์กรป้องกันแห่งชาติกะเหรี่ยง(KNDO) ซึ่งเป็น 1 ใน 2 กองกำลังของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) ให้สัมภาษณ์ว่า พื้นที่ที่เกิดปัญหาหลอกลวงในครั้งนี้มีความซับซ้อนมากและมีหลายกลุ่ม ไม่ว่า BGF, DKBA, PC ถ้าเราจะไปถามคงโยนความรับผิดชอบกันไปมา ในฐานะกองทัพ KNDO เรามีหน้าที่โดยตรงต้องดูแลประชาชน ไม่ว่าอะไรมีผลกระทบกับประชาชน เราต้องแก้ไข คิดว่าวันหนึ่งคงปิดบังไม่ได้ว่าใครทำหรือไม่ทำ ความจริงต้องเปิดเผยออกมา
“KNU ไม่มีนโยบายทำเรื่องแบบนี้ ถ้านิ้วไหนไม่ดีเราต้องตัดทิ้ง คนไม่ดีจะทำให้ KNU ทั้งหมดเสียไปด้วยไม่ได้” พล.ต.ชิเล กล่าว
ขณะที่พะโด่ซอตอนี (Padoh Saw Taw Nee) ผู้อำนวยการฝ่ายต่างประเทศ KNU กล่าวว่า ปัญหานี้อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา เพราะพื้นที่นี้อยู่ในการคุ้มครองของ BGF ซึ่งได้รับอนุญาตจากรัฐบาลทหารเมียนมา ปัญหาจึงมาจากรัฐบาลทหาร เราพยายามจะแก้ไขปัญหานี้ไม่ให้กระทบกับประชาชนกะเหรี่ยง และเป็นห่วงปัญหานี้มาก เมื่อต้นปีตนเคยพูดเรื่องนี้ว่าอยากทำงานร่วมกับทุกประเทศ โดยเฉพาะจีนและไทย
“เราต้องการแก้ไขปัญหานี้ร่วมกับทุกประเทศ เพราะเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงมาก นโยบายของเราชัด เราไม่เห็นด้วยกับการกระทำที่เป็นอาชญากรรมนี้ ทั้ง ออนไลน์ สแกมเมอร์ ใครที่ทำเรื่องนี้ เราไม่เห็นด้วยกับการใช้พื้นที่รัฐกะเหรี่ยงในการก่ออาชญากรรมออนไลน์นี้ มีชาวต่างชาติมาจากหลายประเทศ รวมถึงชาวเคนยา และเห็นด้วยที่รัฐบาลไทยจะแก้ปัญหานี้” พะโด่ซอตอนี กล่าว