เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้ากรณีที่ทางการจีนส่งเครื่องบินมารับเหยื่อชาวจีนที่ถูกหลอกไปทำงานในแหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมยฝั่งเมืองเมียวดีตรงข้ามอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก จำนวนกว่า 900 คน โดยปฎิบัติการในวันที่ 2 เริ่มต้นตั้งแต่เวลา 07:00 น. โดยขนชาวจีนโดยรถบัสมาขึ้นเครื่องบินเหมาลำซึ่งมารับที่ท่าอากาศยานนานาชาติแม่สอด และตลอดทั้งวันรวม 6 ลำ โดยเครื่องบินทุกลำมีต้นทางมาจากเมือง Nanjing ใช้เวลาทำการบินประมาณ 4 ชั่วโมง 30 นาที มารับกลุ่มคนจีนมุ่งหน้าไปส่งที่สนามบิน Xishuangbanna Gasa International Airport เมือง Yunjinghong ทางตอนใต้ของประเทศจีน ซึ่งใช้เวลาทำการบินราว 1 ชั่วโมง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการปฏิบัติในภารกิจนี้ยังคงเป็นไปอย่างปิดลับโดยห้ามผู้สื่อข่าวเข้าไปในสนามบิน และระหว่างการนั่งรถบัสยังคงปิดม่านอย่างมิดชิด และมีตำรวจคอยคุ้มกันอย่างแน่นหนา
นายศิววงศ์ สุขทวี ที่ปรึกษาเครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ (Migrant Working Group – MWG ) กล่าวว่า การที่ทางการจีนส่งเครื่องบินมารับคนจีนกว่า 900 คนจากเมืองเมียวดี ประเทศพม่าน่าจะเป็นเรื่องของการแลกเปลี่ยนกรณีที่ทางการจีนเคยช่วยเหลือคนไทยในเมืองเล่าก์ก่าย เขตโกก้าง ชายแดนรัฐฉาน-จีน อย่างไรก็ตามหากเรายอมรับว่าธุรกิจริมแม่น้ำเมยฝั่งเมืองเมียวดีมีปัญหาเพราะเป็นที่ตั้งธุรกิจนอกกฎหมายก็ไม่ควรทำเรื่องนี้ให้เป็นความลับและควรเปิดเผยได้ การพยายามปกปิดน่าจะยิ่งทำให้ดูเป็นเรื่องผิดปกติ
นายศิววงศ์กล่าวว่า การที่ชายแดนฝั่งตรงข้าม อ.แม่สอดกลายเป็นแหล่งอาชญากรรมทำให้การจัดการชายแดนยิ่งยากขึ้น และการที่เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษและไม่มีใครรู้ว่าผลประโยชน์ต่างๆไหลไปถึงใครบ้างเพราะมีกลุ่มกองกำลังหลายฝ่าย ทำให้พื้นที่ซับซ้อนและมีการจัดการยากขึ้นโดยไม่มีใครจัดการได้จริงทำให้ขบวนการเหล่านี้เติบโตได้อย่างไม่มีข้อจำกัด
“เมื่อเดือนที่แล้วมีล่ามชาวโรฮิงญาเล่าว่าญาติของเขาติดอยู่ในชเวโก๊กโก่ ถ้าจะออกมาได้ต้องไถ่ตัวเสียเงิน 6 หมื่นบาท ในนั้นยังมีชาวโรฮิงญาอีก 50-60 คน อยู่ในโกดัง นี่เป็นเพียง 1 ในหลายเคสที่นับวันเยอะขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ว่าขบวนการค้ามนุษย์มีมากขึ้น ส่งผลต่อการจัดการปัญหาต่อไทย ดังนั้นรัฐบาลควรมีความพยายามแก้ปัญหามากกว่านี้”นายศิววงศ์ กล่าว
ที่ปรึกษา MWG กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ 3-4 เดือนเคยมีหลายเคสขอความช่วยเหลือเพราะถูกกักตัวไว้ในฝั่งเมียวดีและมีการต่อรองเพื่อให้จ่ายค่าไถ่ซึ่งต้องเสียทุกขั้นตอนต้องจ่ายตั้งแต่คนควบคุมตัว การพาข้ามแม่น้ำและการเข้าเมืองรวมแล้วนับแสนบาท ซึ่งในจำนวนนี้มีเหยื่อที่เป็นคนไทยอยู่ด้วย แต่ตนไม่เคยเห็นทางการไทยเข้าไปช่วยเหลือหรือจัดการกับขบวนการเหล่านี้จริงจัง
นายศิววงศ์กล่าวว่า เบื้องต้นเราควรตระหนักว่ารัฐบาลพม่าไม่สามารถควบคุมพื้นที่ริมแม่น้ำเมยฝั่งเมียวดีได้ ทำให้ส่งผลกระทบต่อไทยแน่ๆ หากยอมรับกันแล้วว่ารัฐบาลทหารพม่าไม่สามารถควบคุมพื้นที่ได้ การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับระดับท้องถิ่นอย่างจริงจังเพื่อสร้างเสถียรภาพในพื้นที่เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับไทย ไม่ใช่มองแค่เรื่องการเคารพบูรณาการดินแดนอย่างเดียว
“ตอนนี้เรายังไม่มีข้อมูลมากพอว่าผลประโยชน์ในฝั่งนั้นไหลไปถึง กทม.หรือปักกิ่งหรือไม่ ดังนั้นการแก้ไขปัญหาจำเป็นต้องมีประเทศอื่นๆเข้ามาร่วมปราบปรามอาชญากรรมแหล่งนี้ด้วย เราควรดึงความร่วมมือของทุกฝ่าย ปัญหาที่น่ารีบดำเนินการคือติดตามเส้นทางการเคลื่อนย้ายเงินจากแหล่งอาชญากรรมเหล่านี้ว่าไปที่ใดบ้าง เงื่อนไขหนึ่งที่ทำให้การจัดการมีปัญหาคือปล่อยให้กองทัพไทยเป็นหน่วยงานหลักในการจัดการ ทำให้หน่วยงานอื่นเกรงใจ และกองทัพมีอำนาจเหนือหน่วยงานอื่น แนวโน้มตรวจสอบจึงน้อยมากเพราะวัฒนธรรมการใช้อำนาจเป็นเช่นนี้ จริงๆแล้วบทบาทของกองทัพควรแค่ปกป้องอธิปไตย และให้ฝ่ายปกครองเข้ามา ข้อสังเกตคือกรณีด่านแม่สอดไม่ได้เป็นด่านผ่านแดนให้บุคคลสัญชาติที่ 3 เข้าออก แต่ทุกวันนี้มีบุคคลสัญชาติที่ 3 เข้าออกอยู่ตลอดเวลา” ที่ปรึกษา MWG กล่าว
———-