เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2567 ดร.ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี ศาสตราจารย์ประจำภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งได้ทำวิจัยเรื่องทุนนิยมคาสิโน และกำลังวิจัยเรื่อง “เขตเศรษฐกิจพิเศษข้ามชาติจีนในอาเซียน: ทุนเปลี่ยนรูป, ปฏิบัติการของโครงสร้างพื้นฐานและขุมข่ายเศรษฐกิจหลากขนาด” ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ทางการจีนส่งเครื่องบินมารับเหยื่อชาวจีนรวมทั้งกลุ่มมาเฟียจีนที่ทำธุรกิจสีดำในชเวโก๊กโก่ KK Park และแหล่งอื่นๆริมแม่น้ำเมยฝั่งเมืองเมียวดี ประเทศพม่า โดยใช้สนามบินนานาชาติแม่สอด จ.ตากว่า จีนส่งสัญญาณชัดเจนที่ต้องการเคลียร์อาชญากรรมอินเทอร์เน็ตของจีนเทาที่สร้างปัญหาให้พลเมืองจีนของตน ออกจากพื้นที่ชายแดนจีน-พม่า-ลาว-ไทย มาตั้งแต่ปีที่แล้ว มีการสร้างความร่วมมือระหว่างตำรวจของ 4 ประเทศมาตลอดปีที่แล้ว
ศ.ปิ่นแก้วกล่าวว่า แต่สิ่งที่ทำให้จีนหงุดหงิดมาตลอดคือ ในขณะที่จีนกดดันรัฐบาลพม่ามาโดยตลอดเรื่องการปราบปรามอาชญากรรมคอลเซนเตอร์ชายแดน รัฐมนตรีต่างประเทศของจีนพูดเรื่องนี้โดยตรงกับ พล.อ.มิน ออง หล่าย ที่กรุงเนปิดอว์ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว แต่นับจากนั้นจะพบว่า แทบไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะรัฐบาลพม่าไม่ได้มีความพยายามในการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพในการจัดการกับอาชญากรรมในชายแดนของตนเองอย่างจริงจัง
“สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปจากเหตุการณ์ปฏิบัติการ 1027 ในปลายปีที่แล้ว โดยกลุ่มพันธมิตร 3 ภราดรภาพ ในการยึดเมืองต่างๆ คืนจากทหารพม่า รวมถึงเล่าก์กาย ซึ่งเป็นศูนย์กลางของแก๊งอาชญากรรมใหญ่ ที่บริหารโดยกองกำลังพิทักษ์ชายแดนโกก้าง ซึ่งนำมาสู่การทลายอาชญากรรมที่นั่น และการส่งตัวแก๊งจีนเทาให้กับทางการจีนจำนวนมาก จีนหนุนปฏิบัติการนี้ แม้ว่าจะก่อผลต่อการเมืองของพม่าและเสถียรภาพชายแดนในช่วงสั้น แต่จีนคำนวณแล้วว่าคุ้มค่าต่อการปราบปรามแก๊งอาชญากรรม” นักวิจัยผู้นี้กล่าว
ศ.ปิ่นแก้วกล่าวว่า กรณีเล่าก์กายและบทบาทของจีนกับปฏิบัติการ 1027 มีผลต่อการเปลี่ยนท่าทีของกองกำลังชาติพันธุ์ชายแดนอื่นๆด้วย โดยเฉพาะในแถบเมียวดี จะเห็นว่าสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง(KNU) ประกาศชัดเจนว่าไม่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมที่เกิดขึ้น ในขณะที่ BGF ก็ประกาศตนไม่ขึ้นกับรัฐบาลทหารพม่า กรณีที่เกิดกับ KK Park และการส่งตัวผู้ต้องหาและเหยื่อชาวจีนกลับจีนในครั้งนี้สะท้อนการให้ความร่วมมือของกองกำลังชาติพันธุ์ชายแดนต่อรัฐบาลจีน ในการเคลียร์อาชกรรมออกจากพื้นที่ในเขตปกครองของตน
“แต่ปฏิบัติการนี้จะส่งผลต่ออาชญากรรมแก๊งคอลเซนเตอร์ในไทยหรือที่อื่นๆ หรือไม่ ยังคงเป็นคำถาม เพราะขณะนี้ทั้งชเวโก๊กโก่ และ KK Park ยังคงเปิดดำเนินการ ไม่มีการปิดเขต และจีนมุ่งเป้าหมายแต่เพียงเหยื่อชาวจีน และธุรกิจผิดกฎหมายที่มีเป้าหมายต่อพลเมืองจีนเท่านั้น ไม่ได้สนใจแก๊งที่ล่อลวงพลเมืองของประเทศอื่น ต้องไม่ลืมว่าใน KK Park นั้นมีบริษัทที่ทำงานหลอกลวงคนจากทั่วโลก มีคนทำงานจากหลายสิบประเทศ ที่ส่งตัวกลับน่าจะไม่ถึง 1 % ของคนที่ทำงานอยู่ในนั้น ถ้าดูกรณีเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำที่มีการสนธิกำลังกันระหว่างตำรวจจีนและลาวในการจับกุมแก๊งคอลเซนเตอร์ชาวจีนหลายร้อยคนเมื่อปีที่แล้ว ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการทำงานของเขตเศรษฐกิจพิเศษแต่อย่างใด เพราะยังมีการเปิดสนามบิน และดำเนินกิจการอย่างเป็นปกติ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือทุนจีนสีเทาเหล่านี้จะระมัดระวังตัวมากขึ้น และหลีกเลี่ยงเป้าหมายที่เป็นคนจีน แต่ไม่ได้แปลว่าอาชญากรรมจะหมดไป” ศ.ปิ่นแก้ว กล่าว
แหล่งข่าวด้านความมั่นคงเปิดเผยว่า ปัจจุบันยังมีคนไทยและคนต่างชาติอีกนับหมื่นคนที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลวงลวงให้ทำงานอยู่ใน KK Park และชเวโก๊กโก่ รวมทั้งแหล่งธุรกิจสีดำในลักษณะเดียวกันที่มีมากถึง 20-30 แห่ง โดยคนเหล่านี้สามารถเข้า-ออกชายแดนได้โดยง่ายโดยใช้ช่องทางธรรมชาติที่นั่งเรือข้ามแม่น้ำเมย ซึ่งหน่วยงานราชการไทยต่างก็รับรู้กันดี แต่เนื่องจากมีการติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วน ทำให้ไม่มีการคุมเข้มหรือจับกุมใดๆ โดยแต่ละเครือข่ายธุรกิจสีดำต่างก็มีช่องทางเข้า-ออกของตัวเอง
“คนจีนวัยหนุ่มสาวจำนวนมากที่มาอยู่ริมแม่น้ำเมยฝั่งเมียวดีนานๆ เขาใช้วิธีทำบัตรประชาชนพม่า เพื่อให้เข้า-ออก ทางด่านชายแดนไทย-พม่าได้ เพราะตอนนี้ทางการพม่าอนุญาตให้เฉพาะคนไทยและคนพม่าเข้า-ออกเท่านั้น” แหล่งข่าว กล่าว
แหล่งข่าวกล่าวว่า มีรัฐบาลหลายประเทศที่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนของตนว่าถูกหลอกมาทำงานอยู่ในแหล่งอาชญากรรมฝั่งเมียวดีโดยใช้เส้นทางออกจากประเทศไทย โดยรัฐบาลบางประเทศพยายามติดต่อมายังรัฐบาลไทยเพื่อขอให้ช่วยเหลือ แต่กลับไม่ได้รับการตอบสนองเท่าที่ควร อย่างกรณีของรัฐบาลอินโดนีเซีย ซึ่งแจ้งว่ามีชาวอินโดนีเซียกลุ่มใหญ่ถูกหลอกไปทำงานใน KK Park รัฐบาลอินโดนีเซียได้ปฏิบัติการช่วยเหลือเองในทางลับโดยการประสานกับกองทัพภาคที่ 3 และทหารกองทัพภาคที่ 3 ได้ต่อไปยังทหาร BGF ซึ่งดูแลพื้นที่ จนในที่สุดสามารถช่วยเหลือคนของตนเองกลับมาได้
“กรณีของจีนที่มาขนคนครั้งนี้กลับไปได้เพราะเขาสามารถเข้าถึงกลุ่มกองกำลังชาติพันธุ์ไว้ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น BGF , KNU หรือแม้แต่ทหารพม่า ทำให้ช่วยเหลือคนกลับไปได้ แต่ยังถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับคนจีนอีกร่วมแสนคนที่ยังอยู่ในแหล่งอาชญากรรมต่างๆ ริมแม่น้ำเมย” แหล่งข่าวกล่าว