หนุ่มสาวไทใหญ่หนีเกณฑ์ทหารเข้ากองทัพพม่า ตบเท้าเข้าร่วมกองทัพรัฐฉานใต้-เหนือ แต่ยังระแวงถูกส่งต่อให้ตั้ดมะดอว์

สำนักข่าว SHAN รายงานเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 67 ว่า กองทัพพม่าสั่งการเกณฑ์ทหารใหม่จากเมืองลางเคือจำนวน 50 คน ในปี 2567 นี้ โดยจะให้มีการจับฉลากทำให้เยาวชนจำนวนมาก ไม่เฉพาะแต่ในเมืองลางเคือ แต่ยังมีวัยรุ่นจากเมืองนาย เชียงตอง และเมืองปั่นซึ่งตั้งอยู่ทางภาคใต้ของรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ตัดสินใจที่จะเข้าร่วมกับกองทัพรัฐฉานใต้ RCSS/SSA ภายใต้การนำของเจ้ายอดศึกเป็นจำนวนมาก โดยผู้ปกครองในเมืองเหล่านี้ระบุว่า เต็มใจที่จะส่งบุตรหลานเข้ากองทัพไทใหญ่ โดยเห็นว่าดีกว่าส่งเข้ากองทัพพม่า

สื่อไทใหญ่รายงานว่า หลังวัยรุ่นในพื้นที่เข้าเป็นทหารในกองทัพไทใหญ่เป็นจำนวนมาก จนแทบไม่เหลือคนหนุ่มสาวในพื้นที่ ทำให้ยากลำบากในการหาคนเข้าไปเป็นทหารกองทัพพม่า อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านในพื้นที่ตกลงร่วมกันที่จะจ้างแรงงานชาวพม่าจากเขตพื้นที่อื่นที่เข้ามาหางานทำในเมืองเหล่านี้ไปเป็นทหารในกองทัพพม่าแทน

มีรายงานว่า แม้วัยรุ่นในเขตภาคใต้ของรัฐฉานตัดสินใจที่จะเป็นทหาร แต่ก็ยังมีข้อกังวลว่า หลังฝึกทหารเสร็จสิ้น กองทัพรัฐฉานใต้ RCSS/SSA จะส่งพวกเขาให้กับกองทัพพม่าหรือไม่ เนื่องจากกองทัพ RCSS/SSA นั้นได้ลงนามหยุดยิงกับกองทัพพม่า

สื่อไทใหญ่รายงานว่า ยังคงมีวัยรุ่นบางส่วนที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะร่วมกับกองทัพไทใหญ่หรือไม่ แต่บางส่วนตัดสินใจที่จะเดินทางเข้าประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทยและจีน แต่ก็มีวัยรุ่นบางส่วนที่ถูกจับในระหว่างเดินทาง หรือปลอมเป็นพระ เพื่อให้รอดพ้นจากการเกณฑ์ทหาร

ก่อนหน้านี้โฆษกของกองทัพไทใหญ่ให้สัมภาษณ์ว่า หากประชาชนเข้าร่วมกับกองทัพไทใหญ่ก็จะรอดพ้นจากการเกณฑ์ทหารของกองทัพพม่า แต่ชาวบ้านในรัฐฉานที่ทิ้งบ้านเรือนไร่นาของตัวเองนั้น หรือขายทิ้ง จะถูกเอาผิดดำเนินตามกฎหมายของกองทัพ RCSS/SSA และที่ดินจะถูกยึดเป็นทรัพย์สินของชุมชน

ทั้งนี้เมืองลางเคือมีทั้งหมด 11 เขต และ 94 หมู่บ้าน มีจำนวนประชากรอยู่เกือบ 5 หมื่นคน เยาวชนที่ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารนั้นมีอยู่จำนวน 40 -50 คนต่อเขต

อีกพื้นที่หนึ่งของรัฐฉาน อย่างเมืองเกซี ทางกองทัพพม่าสั่งการให้มีการเก็บข้อมูลเยาวชนในพื้นที่ รวมถึงเยาวชนที่เดินทางมาทำงานที่ประเทศไทยเป็นต้น ข่าวการเก็บข้อมูลทำให้ประชาชนในเมืองเกซีตื่นกลัว บางส่วนเตรียมหนีอพยพและบางส่วนเตรียมเข้าร่วมกับกองทัพไทใหญ่เป็นต้น เมืองเกซีนั้นมีกองทัพรัฐฉานเหนือ SSPP/SSA และกองทัพพม่าเคลื่อนไหวอยู่ ครอบครัวที่มีลูกชายหลายคนบางส่วนได้อพยพหนีออกจากพื้นที่ เพราะไม่ต้องการถูกบังคับเกณฑ์ทหาร

———-