Search

เรียกร้องผู้ร่วมทุน บ.เซเปียนเซน้ำน้อยร่วมจ่ายชดเชย หลังปล่อย SK Ecoplant  แบกจนหลังแอ่น ต้องใช้บริการอนุญาโตตุลาการช่วย

ภาพจาก chosun.com

สำนักข่าว Chosun Daily ของเกาหลีใต้ รายงานเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2567 ว่าผลพวงจากกรณีเขื่อนแตกในลาวปี 2561 ยังคงดำเนินต่อไป โดยบริษัทเอสเค อีโคแพลนท์(SK Ecoplant) บริษัทก่อสร้างของเกาหลีใต้ที่รับผิดชอบการก่อสร้างเขื่อน เรียกร้องให้บริษัทร่วมลงทุนเขื่อนเซเปียนเซน้ำน้อยร่วมจ่ายค่าชดเชยและค่าซ่อมแซมที่บริษัทต้องแบกรับในตอนแรก โดยยืนยันความรับผิดชอบร่วมกัน 

ทั้งนี้อนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศของสิงคโปร์ (SIAC) ได้รับเรื่องจากบริษัทการลงทุนที่เกี่ยวข้อง โดยมีกำหนดการขึ้นศาลในเดือนตุลาคมเพื่อรับฟังจุดยืนของพวกเขาโดยตรง จากข้อมูลของอุตสาหกรรมการก่อสร้างและอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม โดยทาง อนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศสิงคโปร์(SIAC) วางแผนที่จะหารือเกี่ยวกับประเด็นค่าชดเชยและค่าใช้จ่ายในซ่อมแซมสำหรับการพังทลายของเขื่อนเสริมของโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซเปียน-เซน้ำน้อย ที่เกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2561

 SK Ecoplant (เดิมชื่อ SK E&C) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างเขื่อน ได้เบิกเงินเบื้องต้นจำนวน 110 ล้านดอลลาร์สำหรับค่าชดเชยและค่าซ่อมแซมผ่านการประกันภัยและการกู้ยืมจากผู้ถือหุ้น ต่อมาได้เรียกร้องให้ผู้ร่วมทุนของบริษัทไฟฟ้าเซเปียน-เซน้ำน้อย (PNPC) ทั้งบริษัทก่อสร้างและดำเนินบริหารจัดการเขื่อน ร่วมแบ่งเบาภาระทางการเงินอย่างเท่าเทียมกัน โดยบริษัท ไฟฟ้าเซเปียนเซน้ำน้ำน้อยพาวเวอร์ (PNPC) เป็นการร่วมลงทุนที่ก่อตั้งโดย บริษัท SK Ecoplant (26%), Korea Western Power (25%), Lao Holding State Enterprise (LHSE) (24%) และบริษัท RATCH ของไทย (24%) โดยการพังทลายของเขื่อนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 71 ราย และทำให้มีผู้พลัดถิ่นประมาณ 6,600 คน 

“คำแถลงจากแต่ละบริษัทเกี่ยวกับเนื้อหาอนุญาโตตุลาการได้ถูกส่งไปแล้วเมื่อต้นปีนี้” เจ้าหน้าที่ในส่วนอุตสาหกรรมอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศกล่าว “การพิจารณาคดีจากฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีการวางแผนในเดือนตุลาคม” 

ความขัดแย้งดังกล่าวเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้หลังเขื่อนแตก เนื่องจากแต่ละฝ่ายเสนอเหตุผลที่แตกต่างกันเกี่ยวกับสาเหตุของการพังทลายของเขื่อน รัฐบาลลาวตำหนิการพังทลายของการก่อสร้างที่ย่ำแย่โดยบริษัท SK Ecoplant ขณะที่คณะกรรมการสอบสวนแห่งชาติลาวสรุปโดยอ้างถึงผลการวิจัยของคณะผู้เชี่ยวชาญระหว่างประเทศ (IEP) ว่าการพังทลายของเขื่อนไม่ถือเป็นเหตุการณ์ “เหตุสุดวิสัย” และจะสามารถป้องกันได้ด้วยมาตรการที่เหมาะสม แม้ว่า บริษัทSK Ecoplant จะอ้างว่าการพังทลายครั้งนี้เกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้โต้แย้งผลการสืบสวนของ IEP อย่างเป็นทางการ 

เจ้าหน้าที่ของ SK Ecoplant กล่าวว่า “กระบวนอนุญาโตตุลาการอยู่ระหว่างดำเนินการกับบริษัทเซเปียนเซน้ำน้อย PNPC ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ เนื่องจากความขัดแย้งในเรื่องสาเหตุของอุบัติเหตุ รวมถึงไม่ว่าจะเป็นเหตุสุดวิสัยหรือไม่ และใครเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมฟื้นฟู” ในประเทศลาว 

———–

.